Breaking News

โพล ระบุ ประชาชนส่วนใหญ่หนุนปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

Post Date : วันที่ 31 พ.ค. 2558 เวลา 12:41 น.

ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง การเลือกตั้ง การปฏิรูปและรัฐประหาร สำรวจระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2558 จากประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,250 หน่วยตัวอย่าง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 71.28 ระบุผลลัพธ์ของการทำรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ดีกว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.เมื่อปี 2549 เพราะกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ บ้านเมืองสงบเรียบร้อย มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน และจริงจัง จัดระเบียบสังคมได้ดี เป็นการทำงานเพื่อประเทศ มิได้เป็นการแสวงหาเพื่อประโยชน์ส่วนตน ลดการสูญเสียที่จะตามมาอันเนื่องมาจากการชุมนุม มีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมดีกว่าตอนปี 2549

นอกจากนี้ ยังเห็นว่า คสช.ทำรัฐประหารโดยไม่มีการสูญเสียหรือสูญเสียน้อยกว่า อีกทั้งยังมีบทเรียนจากปี 2549 ขณะที่ร้อยละ 18.08 ระบุมีผลลัพธ์เหมือนกัน เพราะการทำรัฐประหารและควบคุมอำนาจโดยทหาร ซึ่งต่างมีผลดี และผลเสียพอกัน มีเพียงร้อยละ 7.20 ระบุว่าผลลัพธ์ของการทำรัฐประหารโดย คสช. แย่กว่า เพราะยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ คมช. ยึดอำนาจแค่ไม่กี่เดือนก็คืนอำนาจให้กับประชาชนแล้ว อีกทั้ง คมช. ยังให้สิทธิและเสรีภาพความเป็นอิสระในการแสดงความคิดเห็นมากกว่านี้

ส่วนความมั่นใจที่มีต่อรัฐบาลชุดใหม่ ภายหลังการเลือกตั้งว่าจะสามารถเดินหน้ากระบวนการปฏิรูปประเทศต่อไปได้นั้น พบว่า ร้อยละ 31.28 ระบุไม่ค่อยมีความมั่นใจ ร้อยละ 24.64 ไม่มั่นใจเลย มีเพียงร้อยละ 19.12 ระบุมีความมั่นใจมาก โดยเหตุผลของผู้ที่ระบุว่าไม่ค่อยมีความมั่นใจ และไม่มีความมั่นใจเลย เนื่องจากไม่มั่นใจในตัวนักการเมืองที่จะเข้ามาบริหารงาน ส่วนใหญ่ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองมากกว่า ถึงจะเป็นรัฐบาลชุดใหม่ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ปัญหาบางอย่างยังต้องการได้รับการแก้ไข ต่างฝ่ายต่างมีความคิดที่เป็นของตัวเอง และมีความหลากหลาย

สำหรับความมั่นใจของประชาชนที่มีต่อประเทศไทยหลังการเลือกตั้งว่าจะไม่กลับไปสู่วังวนเดิม พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 35.36 ระบุไม่ค่อยมีความมั่นใจ รองลงมาร้อยละ 31.60 ไม่มีความมั่นใจเลย มีเพียงร้อยละ 12.40 ระบุว่ามีความมั่นใจมาก โดยเหตุผลที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ และไม่มีความมั่นใจเลย คือยังมีการเลือกปฏิบัติ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ยังคงมีความขัดแย้งภายใต้ความสงบอยู่ อีกทั้งรัฐบาลที่เข้ามาส่วนใหญ่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์มากกว่าทำเพื่อประเทศ รัฐบาลที่จะเข้ามาก็เหมือนเดิม เป็นปัญหาเรื้อรังที่ไม่สามารถแก้ไขได้เกิดเป็นวงจรเช่นนี้เรื่อยไป

ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 68.56 อยากให้มีการปฏิรูปให้เรียบร้อยก่อนการเลือกตั้ง เพราะระบบเก่าที่ผ่านมายังมีปัญหาต่างๆ ที่ควรได้รับการแก้ไขใหม่ เพื่อเป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้า ควรมีการเปลี่ยนแปลงการปฏิรูปประเทศให้มั่นคงก่อน เพื่อปูทางให้รัฐบาลชุดต่อไปสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น และลดปัญหาความขัดแย้งที่จะตามมา การเลือกตั้งสามารถทำเมื่อไหร่ก็ได้ มีเพียงร้อยละ 24.00 ระบุว่าควรมีการเลือกตั้งโดยเร็วก่อนแล้วค่อยให้รัฐบาลใหม่เดินหน้ากระบวนการปฏิรูปประเทศ เพราะควรเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับชาวต่างชาติ ควรมีรัฐบาลที่เป็นทางการก่อน แล้วให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาปฏิรูปประเทศ และแก้ไขปัญหาต่างๆ

ข่าวด่วน ข่าวสั้นอื่นๆ