Breaking News

ประยุทธ์เเถลงนโยบายรัฐบาล 11 ด้าน จี้ทุกกระทรวงทำให้ได้ภายใน 1 ปี

Post Date : วันที่ 12 ก.ย. 2557 เวลา 16:42 น.

นายกรัฐมนตรีเเถลงนโยบายรัฐบาล เป้าหมายสร้างสังคมปฏิรูป เป็นธรรม ไม่ทุจริต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เเถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติเเห่งชาติ โดยกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายจำแนกเป็น 11 ด้าน ดังนี้

1. การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นหน้าที่สำคัญที่จะเชิดชูสถาบันด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยใช้มาตรการทางกฎหมาย มาตรการสังคมจิตวิทยา และมาตรการทางระบบสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินกับผู้คะนองปาก ย่ามใจหรือประสงค์ร้าย มุ่งสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกและความผูกพันภักดีของคนจำนวนมาก
      
2. การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ แบ่งเป็น

2.1 ระยะเร่งด่วน รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
2.2 เร่งแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้
2.3 พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพ และระบบป้องกันประเทศให้ทันสมัย รักษาอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ ปลอดพ้นการคุมคามทุกรูปแบบ
2.4 เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศบนหลักการนโยบายการต่างประเทศเป็นส่วนประกอบสำคัญของนโยบายองค์รวมทั้งหมดในการบริหารราชการแผ่นดิน
      
3. การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ มีนโยบาย ระยะเฉพาะหน้าเร่งสร้างโอกาส อาชีพและการมีรายได้ที่มั่นคงต่อผู้ที่เข้าสู่ตลอดแรงงาน ขณะที่การป้องกันและแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ ผู้หลบหนีเข้าเมือง การทารุณกรรมต่อแรงงานข้ามชาติ และปัญหาคนขอทาน โดยปรับปรุงกฎหมาย เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ นอกจากนี้ ระยะต่อไปจะพัฒนาระบบการคุ้มครองทางสังคม เตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และสังคมที่หลากหลายจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมทั้งการจัดระเบียบสังคม และการแก้ปัญหาไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกร

4. การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา และศิลปวัฒนธรรม โดยจะนำการศึกษาศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ และความเป็นไทยมาใช้สร้างสังคมให้เข้มแข็งมีคุณภาพและคุณธรรม ทั้งนี้พลทหารที่เข้ามากองทัพสนับสนุนให้มีการเรียน กศน. เพราะบางคนเข้ามาไม่มีความรู้ เมื่อจบออกไปจะได้ช่วยพ่อแม่ได้ ดังนั้นอยากให้กระทรวงศึกษาไปดูว่าจะทำอย่างไร เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
      
5. การยกระดับคุณภาพ และบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน โดยจะวางรากฐาน พัฒนา และเสริมความเข้มแข็งให้แก่การบริการ ด้านสาธารณสุข และสุขภาพประชาชน โดยเน้นความทั่วถึงความมีคุณภาพและประสิทธิภาพ
      
6. การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ระบบเศรษฐกิจของไทยที่ยังมีจุดอ่อนต้องแก้ไขปรับปรุงหลายเรื่องนั้น รัฐบาลจะดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที อาทิ สานต่อนโยบายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนำหลักการสำคัญของการจัดทำงบประมาณรายประจำปีงบประมาณ 2558 ที่ให้บูรณาการงบประมาณ และระยะต่อไป ต้องแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่ค้างคาอยู่ โดยประสานนโยบายการเงินและการคลังให้สอดคล้องกัน เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจพร้อมรักษาเสถียรภาพของราคาอย่างเหมาะสม อาทิ การปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ การปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษีให้จัดเก็บได้ครบถ้วน โดยปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้คงอัตราภาษีเงินได้ในระดับปัจจุบัน ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล แต่ปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้คงอัตราด้านการค้าและขยายฐานการจัดเก็บภาษีประเภทใหม่ ซึ่งจะเก็บจากทรัพย์สิน เช่น ภาษีมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และระยะยาวต้องวางรากฐานเพื่อความเจริญเติบโตต่อเนื่อง การบริหารหนี้ภาครัฐที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมามีจำนวนเงินสูงมากกว่า 7 แสนล้านบาท เป็นภาระงบประมาณใน 5 ปีข้างหน้า จะทำให้เหลืองบประมาณเพื่อการลงทุนพัฒนาประเทศน้อยลง โดยประมวลหนี้เหล่านี้ให้ครบถ้วนหาแหล่งเงินระยะยาวมาสะสางหนี้ทั้งหมด และยืดระยะเวลาชำระคืนให้นานที่สุดเพื่อลดภาระงบประมาณในอนาคต
      
7. การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน โดยเร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในภูมิภาคอาเซียน และขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทยทุกระดับ พัฒนาแรงงานภาคอุตสาหกรรม และเร่งพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่งระบบโลจิสติกส์ต่อเชื่อมเส้นคมนาคมขนส่ง และระบบโลจิสติกส์พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเริ่มจากการพัฒนาด่านการค้าชายแดน
      
8. การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม รัฐบาลให้ความสำคัญการวิจัย พัฒนาต่อยอดและสร้างนวัตกรรม นำไปสู่การผลิตบริการที่ทันสมัย อาทิ สนับสนุนเพิ่มค่าใช้จ่ายการวิจัย เร่งเสริมสร้างสังคมนวัตกรรม ส่งเสริมระบบการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ ส่งเสริมให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ประเทศใช้ประโยชน์ผลการศึกษาวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม
      
9. การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน รัฐบาลมีนโยบายรักษาความมั่นคงฐานทรัพยากรธรรมชาติ โดยสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
      
10. การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ ซึ่งระบบราชการใหญ่โต สามารถให้คุณให้โทษให้ความสะดวกหรือเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินและการดำรงชีวิตได้ ซึ่งกรณีที่ขณะนี้มีปัญหาเรื่องราคาไมโครโฟนราคาแพง ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วและให้ไปหามา อะไรที่ไม่ใช่เรื่อง ก็อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่
      
11. การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ระยะเฉพาะหน้าเร่งปรับปรุงประมวลกฎหมายหลักและกฎหมายอื่นๆ ที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม ไม่สอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศ เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน การเพิ่มศักยภาพหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้ความเห็นทางกฎหมาย และจัดทำกฎหมายให้ปฏิบัติงานได้รวดเร็ว ระยะต่อไปจะจัดตั้งองค์กรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงของรัฐ นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์มาใช้เพื่อเร่งรัดดำเนินคดีทุกขั้นตอนให้รวดเร็ว เป็นธรรม และมีระบบฐานข้อมูลเชื่อมโยงกัน รวมทั้งปรับปรุงระบบช่วยเหลือทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้เข้าถึงความเป็นธรรมได้ง่าย ส่งเสริมกองทุนยุติธรรม เพื่อคุ้มครองช่วยเหลือคนจนและผู้ด้อยโอกาส และนำมาตรการทางการเงิน ภาษี การป้องกันการฟอกเงินมาใช้ในการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตและประพฤติมิชอบ
      
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวต่อว่า เป้าหมายของนโยบายทั้ง 11 ด้าน อยู่ที่การสร้างสังคมที่มีการปฏิรูป เป็นธรรม และไม่ทุจริต อย่างไรก็ตามกำหนดให้หน่วยงานต้องปฏิบัติ ระยะเวลา วิธีการ และงบประมาณที่ชัดเจน โดยจำกัดกรอบเวลา 1 ปี ตามปีงบประมาณ และระยะเวลาของรัฐบาล

ข่าวด่วน ข่าวสั้นอื่นๆ