เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงคืบหน้าเหตุเจ้าหน้าที่ปิดล้อมบ้านหลังหนึ่ง ใน หมู่ 3 ต.ตะโล๊ะกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีคนร้ายจากเหตุลอบยิง อส.ชุดดูแลความปลอดภัยโรงเรียนเสียชีวิต 4 นาย ก่อนจะขโมยอาวุธปืนเอสเคของทางราชการหลบหนีมากบดานอยู่ยังบ้านเลขหลังดังกล่าว จึงได้จัดกำลังเข้าติดตามและเกิดการปะทะจนคนร้ายเสียชีวิต 2 ศพ เหตุเกิดเมื่อ 12 ม.ค.ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบประวัติพบคนร้ายทั้ง 2 ราย มีหมายจับ ป.วิอาญา รวม 7 หมาย ตรวจยึดอาวุธปืน AK.47 1 กระบอก ปืนพก 9 มม. 1 กระบอก เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และเด็กหญิงอายุ 8 ขวบได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
โดยหลังเกิดเหตุได้มีเฟชบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพข่าวโจมตีเหตุปะทะดังกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านที่คนร้ายหลบอยู่ออกจากบ้าน ต่อมาสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ยังได้เผยแพร่คลิปสัมภาษณ์ยายของเด็กหญิง 8 ขวบ ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำหลานที่ได้รับบาดเจ็บออกจากบ้าน และยังอ้างว่าเงินภายในบ้าน 15,000 บาท หายไปหลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในบ้าน
พ.อ.ปราโมทย์ เผยว่า การเข้าบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ทั้งนี้ภายหลังจอดรถบริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ได้ถูกกลุ่มคนร้ายที่อยู่บริเวณหลังบ้านใช้อาวุธปืนยิงใส่ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของ เจ้าของบ้านที่ให้การว่า เมื่อรถเจ้าหน้าที่มาจอดหน้าบ้าน กลุ่มคนร้ายทั้ง 2 คน ซึ่งอยู่ภายในบ้านได้วิ่งออกไปทางประตูหลังบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด และจากการตรวจสอบภายหลังพบว่า มีรอยกระสุนทะลุจากประตูห้องครัวหลังบ้านเข้ามา 1 นัด ก่อนทะลุเข้าผนังคอนกรีตภายในบ้าน ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่พยายามตะโกนให้บุคคลในบ้านออกมา แต่ไม่มีใครออกมา โดยไม่รู้ว่าภายในบ้านมีคนร้ายอยู่กี่คน ต่อมาภายหลังทราบว่า มีเด็กได้รับบาดเจ็บภายในบ้าน จึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอน เพื่อเข้าช่วยเหลือเด็ก ทั้งๆ ที่กลุ่มคนร้ายยังคงระดมยิงใส่ตลอดเวลา จนนำไปสู่การช่วยเหลือเด็กออกมาได้อย่างปลอดภัย จึงสามารถยืนยันได้ว่า กระสุนที่ยิงโดนเด็กไม่ใช่จากเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุและตรวจค้นภายในบ้านโดยมีเจ้าของบ้านเป็นผู้นำตรวจ เพื่อป้องกันการกล่าวหาในภายหลังว่าทรัพย์สินสูญหายได้ สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน สังเกตว่า หากทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือสูญหายจริงจะต้องแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจมิใช่มากล่าวอ้างแบบไร้หลักฐานให้สังคมเข้าใจผิดและทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าจึงขอให้สังคมสนใจสาระสำคัญของเหตุการณ์และพยานหลักฐานที่ตรวจยึดได้ภายในบ้าน ทั้งอุปกรณ์รักษาพยาบาล ถุงน้ำเกลือ ยารักษาโรค ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของเจ้าของบ้าน ที่สารภาพว่าคนร้ายทั้ง 2 คน ได้เข้ามาพักรักษาตัวในบ้านหลังดังกล่าว ตั้งแต่ 11-12 ม.ค.โดยไม่แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนไปยังบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
สำหรับเจ้าของบ้านนอกจากมีความผิดฐานให้ที่พักพิงแก่ผู้ก่อเหตุรุนแรงแล้ว จะต้องตรวจสอบพฤติกรรมเพิ่มเติมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงหรือไม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับกรณีการเผยแพร่คลิปการให้สัมภาษณ์ยายของเด็กหญิงที่บาดเจ็บ โดยสำนักข่าวดังกล่าว หากตรวจสอบแล้วเป็นเจตนาที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ละเว้นเช่นกัน
