จากนั้นชุดสืบสวนลงตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ และสถานที่ตั้งตู้เซฟของร้านดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าสถานที่ตั้งขอเซฟ ถูกตั้งในจุดที่เปิดเผย สามารถเข้าถึงได้ง่าย ประกอบกับผู้ต้องสงสัยเป็นพนักงานขายที่ร้าน จึงทำให้ง่ายต่อการลักทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งจะต้องตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและดีเอ็นเอ รวมทั้งสอบพยานข้างเคียงทั้งหมด และที่มาของทรัพย์สินด้วยว่ามีความเป็นมาอย่างไร อีกทั้งให้เจ้าของยืนยันรูปพรรณทรัพย์สิน
พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า คดีนี้มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก กว่า 100 รายการ ได้ลงมาเร่งรัดติดตาม เพื่อคลี่คลายคดีนี้ ซึ่งร้านดังกล่าวอยู่ในห้างเป็นจุดอันตราย ซึ่งพอจะทราบตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว และขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติออกหมายจับ ซึ่งเชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการหลายคน และฝากเตือนว่าหากผู้ประกอบการ หรือร้านเพชรใดรับซื้อของกลางที่หายไปจะมีความผิดด้วย และที่สำคัญขอให้ผู้ต้องหามอบตัวอย่าคิดหนี เพราะตำรวจจะไล่ล่าและต้องจับตัวให้ได้แน่นอน