ผู้เสียหาย ก็คือ นายดิลก เล่าว่า ผู้ต้องหา(นายสิทธิชัย) เป็นคนต่างถิ่น แต่มามีครอบครัวอยู่ที่อำเภอประโคนชัย และได้มาขอเช่าที่ดิน เพื่อทำนาเลี้ยงชีพ โดยตนเองไม่ได้เก็บค่าเช่า เพราะเห็นว่าไม่มีงานทำ เพียงแต่ให้นำข้าวที่เก็บเกี่ยวได้มาแบ่งปันกัน แต่ปรากฏว่า เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา หมูที่เลี้ยงไว้ หายไป 3 ตัว และต่อมา วัวที่เลี้ยงไว้ในสวน ก็ทยอยหายไปจากคอก ครั้งละ 1 ถึง 2 ตัว กระทั่งล่าสุด มีวัวเพศเมีย ที่ผูกเลี้ยงไว้ในสวน หายไปวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา
แต่โชคไม่เข้าข้างนายสิทธิชัย ที่ได้นำวัวไปขายให้กับพ่อค้า คือ นายสุทัน ดินประโคน ซึ่งเป็นน้องชายของนายดิลก ผู้เสียหาย โดยที่ไม่รู้ว่านายสุทันเป็นน้องชายของนายดิลกเจ้าของวัว ซึ่งนายสุทัน จำตำหนิของวัวตัวนี้ได้ จึงได้รับซื้อไว้ ในราคา 9,000 บาท พร้อมถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้โทรศัพท์ไปบอกให้นายดิลกพี่ชายมาดู และก็ยืนยันว่าเป็นวัวของตนเองจริงๆ ก่อนที่จะแจ้งตำรวจไปจับกุม และยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด
ขณะที่นายสิทธิชัย ผู้ต้องหา กลับอ้างว่า ไปซื้อวัวตัวดังกล่าวมาจากคนอื่นในราคา 8,000 บาท และได้นำมาขายต่อเพื่อเอากำไรเท่านั้น โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นวัวที่ถูกขโมยมา และยอมรับว่า ขโมยหมูไปแค่ 1 ตัวเท่านั้น แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะไม่สามารถนำพยานมาอ้างอิงได้ จึงควบคุมตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ พร้อมบันทึกภาพเป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นแจ้งข้อหา
"ลักทรัพย์" แต่หากพบความผิดเพิ่มก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
ที่จังหวัดชลบุรี เจ้าของบ้านล้างทำความสะอาดล้อแม็กรถยนต์ ตากไว้หน้าบ้านเตรียมจะนำไปขาย ปรากฏว่าถูกขโมย
ตำรวจ สภ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ไปตรวจสอบ บ้านพักหลังหนึ่ง ในตำบลบางพระ หลังได้รับแจ้งว่ามีทรัพย์สินถูกขโมย โดยนางสาวปภิดา มุลานนท์ อายุ 39 ปี เจ้าของบ้าน ให้การกับตำรวจว่า เธอนำล้อแม็กรถยนต์ จำนวน 4 ล้อ ซึ่งแฟนหนุ่มของเธอซื้อต่อมาจากเพื่อนมาล้างทำความสะอาด และตากไว้ข้างบ้านเมื่อ 2 วันก่อน เพื่อเตรียมจะขายต่อ จากนั้นก็ออกไปทำงาน กระทั่งแฟนหนุ่มโทรศัพท์มาบอกให้ถ่ายรูปส่งไปให้ เนื่องจากมีลูกค้าต้องการดูสินค้า เมื่อเธอมาดูจุดที่ตากล้อไว้ ปรากฏว่า หายไปแล้ว เมื่อไปสอบถามเพื่อนบ้าน ทราบว่า วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา เห็นรถกระบะสีขาวคันหนึ่ง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เข้ามาจอดในบ้าน แล้วก็ขับออกไป คาดว่าน่าจะเป็นรถของคนร้ายที่มาขโมยล้อรถที่ตากไว้ไปทั้งหมด ทางตำรวจได้ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และลงบันทึกประจำวันไว้ หลังจากนี้จะไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี