สำหรับคดีนี้ อัยการโจทก์นำคดียื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2561 ระบุพฤติการณ์ความผิดจำเลยทั้งสาม สรุปว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. ร่วมกันนำหมายค้นศาล เข้าค้นบ้านเลขที 12 ทับ 3 ซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง ของนายเปรมชัย พบงาช้างป่าแอฟริกา 2 คู่ (4 กิ่ง) ซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นของที่มีผู้บังอาจลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร และมิได้ผ่านช่องทางศุลกากร มิได้เสียภาษีศุลกากรโดยถูกต้อง
ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2558 นางคณิตดา และ น.ส.วันดี ได้ร่วมกันแจ้งต่อนักวิชาการป่าไม้ ชำนาญการพิเศษ กรมอุทยานฯ ว่า ได้ครอบครองงาช้าง (งช.1) ทั้ง 4 กิ่ง ถูกต้องตามกฎหมาย พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ.2558 อันเป็นทรัพย์มรดกของนางคณิตดาที่ได้มาตั้งแต่ปี 2530 โดยถูกต้อง ซึ่งมี นางสาว วันดี เป็นพยานถูกต้องทุกประการ และจำเลยทั้งสามได้รับการประกันตัวไปคนละ 3 แสนบาท
โดยจำเลยทั้ง 3 คนได้เดินทางมาที่ศาลครบทั้งหมด ซึ่งนายเปรมชัยได้เดินทางมาถึงคนแรก ก่อนที่ภรรยา และ นางวันดี จะเดินทางมาถึงในเวลาต่อมา ทั้งหมดมีสีหน้าปกติ และ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน ก่อนที่จะรีบเดินขึ้นไปยังห้องพิจารณาทันที
ศาลพิเคราะห์แล้วได้ข้อเท็จจริงว่า นางคณิตดาได้มีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปแจ้งจดทะเบียนการครอบครองงาช้างที่ถูกยึดเป็นของกลางทั้ง 4 กิ่ง ในช่วงเวลาที่สามารถแจ้งจดทะเบียนได้ทั้งงาช้างไทยและงาช้างแอฟริกา ซึ่งดูจากเอกสารการแจ้งจดทะเบียนพบว่างาช้างที่ระบุในเอกสารการแจ้งจดทะเบียนมีลักษณะตรงกันกับงาช้างทั้ง 4 กิ่งที่ตรวจพบในบ้านของนายเปรมชัย ขณะที่ตัวของนางคณิตดาไม่ได้มีพฤติการณ์หรือหลักฐานใดมายืนยันว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจำแนกประเภทของงาช้าง ซึ่งพยานผู้เชี่ยวชาญได้ยืนยันการตรวจสอบประเภทงาช้างต้องตรวจดีเอ็นเอน ขณะที่นางคณิตดายืนยันว่างาช้างที่ตรวจพบนั้นเป็นมรดกจากมารดาปี 2530 เมื่อพิจารณาจากฐานไม้ทั้ง 4 กิ่งก็มีพยานผู้เชี่ยวชาญงานศิลปะนืนยันว่าฐานไม้ดังกล่าวตรงตามงานศิลปเมื่อประมาณ 30-40 ก่อน ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าจากพฤการณ์ที่นางคณิตดามอบอำนาจผู้อื่นจดทะเบียนครอบครองงาช้างแสดงว่า นางคณิตดาไม่ได้มีการครอบครองงาช้างโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้มีเจตนาที่จะแจ้งให้พนักงานจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการและเอกสารมหาชน
ขณะที่นายเปรมชัย พนักงานสอบสวนได้เบิกความยืนยันว่า มีการแจ้งความดำเนินคดีในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการครอบครองงาช้าง รวมงาช้างที่พบในบ้านของนายเปรมชัยนั้นไม่ได้มีการซุกซ่อนหรือปิดบังอำพราง แสดงให้เห็นถึงเจตตาที่บริสุทธิ์ของจำเลย
ส่วนนางวันดี ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเอกสารรับรองการครอบครองงาช้างนั้น ไม่ได้มีผลทางกฎหมาย จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 3 คน
ส่วนงาช้าของกลางที่มีคำร้องขอให้ศาลยึดเป็นสมบัติของแผนดินนั้น เมื่อพิจารณายกฟ้องคดีแล้ว ตามกฎหมายจะยึดงาช้างได้ต่อเมื่อครอบครองโดยผิดกฎหมาย แต่ในกรณีดังกล่าวจำเลยได้กระทำความผิดจึงพิพากษายกการยึดของกลางในคดี และ คืนของกลางให้จำเลย