ชาวบ้านเล่าว่า ผืนป่าแห่งนี้เคยประสบปัญหาหมอกควันจากไฟป่า ส่งผลให้คนในชุมชนเจ็บป่วย แต่ภายหลังได้เข้าร่วมโครงการป่าชุมชน กับกรมป่าไม้ ชาวบ้านจึงร่วมแรงร่วมใจสร้างฝายชะลอน้ำ เปิดเส้นทางศึกษาทางธรรมชาติ ซึ่งจะได้ประโยชน์เป็นเส้นทางลาดตระเวนไฟป่า และแนวกันไฟ ทำพิธีกรรมบวชต้นไม้ตามความเชื่อโบราณ ดังนั้นเมื่อเป็นชุมชนเข้มแข็ง ป่าก็อุดมสมบูรณ์ ป่าจึงกลายเป็นแหล่งอาหารชุมชน ทั้งการหาหน่อไม้ น้ำผึ้ง นำมารับประทานในครอบครัว ขายสร้างรายได้ และที่สำคัญที่นี่ไม่เกิดไฟป่ามานานแล้ว
การบริหารจัดการป่าชุมชนแห่งนี้ ยังได้ส่งเสริมให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ด้วยการปลูกฝังจิตสำนึกการไม่ตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงการตระหนักถึงความสำคัญในการแก้ปัญหาหมอกควัน สร้างความเข้มแข็งผ่านรุ่นสู่รุ่น
ขณะพื้นที่ภาคเหนือระยะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เกิดปัญหาไฟป่าหมอกควันขึ้นมากที่สุด หลายหน่วยงานจึงได้ระดมเจ้าหน้าที่ช่วยกันสร้างแนวกันไฟ ให้ความรู้กับชาวบ้านไม่เผาป่า ช่วยกันเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสหากพบไฟป่า ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดับได้ทัน จนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาหมอกควันได้อย่างยั่งยืนเหมือนชุมชนบ้านปี้
ปัจจุบันป่าชุมชนได้ขึ้นทะเบียนกับกรมป่าไม้จำนวน 15,535 ชุมชน คิดเป็นพื้นที่ป่ากว่า 7,300,000 ไร่ และมีเป้าหมายจะเพิ่มป่าชุมชนอีก 10 ล้านไร่ ภายใน 5 ปี เช่นเดียวกับรัฐบาลที่มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่า เพื่อลดปัญหาหมอกควันให้ได้ถึง 128 ล้านไร่ หรือคิดเป็นพื้นที่ป่าร้อยละ 40 ของประเทศ