ในขณะที่ตำรวจเองก็ได้มีการประกาศเตือนตั้งแต่กลางดึกวานนี้ (17 พ.ย.) ว่าให้กลุ่มผู้ประท้วงที่ยึดพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยฮ่องกงโพลีเทคนิค บนฝั่งเกาลูน เป็นพื้นที่ตั้งค่ายในการปะทะกับตำรวจ ให้อพยพออกจากพื้นที่ได้ โดยที่ไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมก่อจลาจลที่มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี แต่ต้องผ่านจุดตรวจ และถูกตรวจอย่างละเอียดก่อนปล่อยตัวไป และหากใครที่ยังขัดขืนไม่ยอมออกจากมหาวิทยาลัย จะถือว่าเป็นผู้ก่อจลาจล และตำรวจยังขู่อีกว่าจะใช้กระสุนจริง หากยังไม่หยุดใช้อาวุธก่อความรุนแรง
ต่อมาตำรวจปราบปรามจลาจลได้ระดมกำลังเปิดปฏิบัติการปิดล้อม และบุกเข้าไปภายในมหาวิทยาลัย เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงก็ต่อต้านด้วยการจุดไฟเผาประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย และพื้นที่ภายในอีกหลายจุด รวมถึงพื้นที่ภายนอกมหาวิทยาลัย กระทั่งตำรวจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง ระดมฉีดน้ำใส่กลุ่มผู้ประท้วง ยิงแก๊สน้ำตา และกระสุนยางอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บและถูกจับตัวได้หลายราย
ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมบางกลุ่มพากันวิ่งหลบหนีออกจากมหาวิทยาลัย หลังจากถูกตำรวจปราบจลาจลบุกเข้าไปปิดล้อม เพื่อทำลายค่ายของกลุ่มผู้ประท้วง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามวิ่งกระโดดข้ามราวเหล็ก เกาะกลางถนนกันอย่างทุลักทุเล
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว กลุ่มผู้ประท้วงได้ยึดพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยฮ่องกงโพลีเทคนิค และปะทะกับตำรวจปราบปรามจลาจลมาต่อเนื่อง 2 วัน ซึ่งทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดการกวาดล้างที่นองเลือดขึ้น เนื่องจากยังมีกลุ่มผู้ประท้วงใส่ชุดดำ สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า ออกมาก่อความวุ่นวายบนท้องถนนอยู่ อย่างต่อเนื่อง