นายบุญโย กล่าวเสริมว่า ในตอนนั้นยังไม่ใครทราบว่า นายไทยสาน ได้ทำการฆ่านาง วัชราภรณ์ อายุ 50 ปี ภรรยา และลูกสาวอีก 2 คนคือ น.ส.เอ อายุ 23 ปี และ น.ส.บี อายุ 19 ปี ในบ้านของตนเอง พร้อมเขียนจดหมายระบายปัญหาชีวิตเนื่องจากมีหนี้สิน 2 ล้าน ที่นำมาส่งให้ลูกคนโตเรียนจนจบมหาวิทยาลัย แต่ยังไม่มีงานทำ และมีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย หลังจากไหว้ขอขมา นายไทยสานใช้เชือกผูกคอตนเองกับต้นมะม่วงหน้าบ้าน กลายเป็นศพที่ 4 ตนรู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่าทำไม นายไทยสาน ถึงมาซื้อธูปกับเทียน เพราะปกติไม่เคยเห็นมาซื้อเลย คิดว่าเค้าจะนำไปไหว้อะไรสักอย่าง
ที่สำคัญตอนที่ตนไปหยิบธูปจะไปใส่ถุงหิ้ว แต่ปรากฏว่าอยู่ดี ๆ ธูปจำนวน 6 ดอก ที่อยู่ในซองพลาสติก มีธูปจำนวน 3 ดอก ได้เด้งออกมาจากซอง แต่ตนก็พยายามใส่กับคืนใส่ซองพลาสติกก็ไม่สามารถใส่เข้าไปได้ จึงได้นำธูปทั้ง 6 ดอกมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่ตนจะไปหยิบสินค้าอื่น แล้วก็นำมาใส่ ถุงหิ้ว จนสิ่งของครบตามที่นายไทยสานสั่งซื้อ แล้วตนก็นำไปส่งให้ที่หน้าร้าน แต่ในตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร พอมารู้ที่หลังว่า นายไทยสาน ได้ฆ่าเมียกับลูกสาว การที่เค้ามาซื้อธูปเทียน เพื่อนำไปขอขมาเมียกับลูกสาวที่ถูกฆ่าตาย แต่ เหมือนว่า วิญญาณผู้ตายเขาคงไม่ต้องการให้ไปขอขมา จึงทำให้ธูปเด้งออกมาจากซองใส่ธูป นี่เป็นความเชื่อส่วนตัวของตนหลังจากที่ทราบเรื่องในภายหลัง