ส่วนเรื่องการผ่อนคลายมาตรการจะมีขึ้นเมื่อใดใน เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อของไทยขณะนี้มีจำนวนลดลงจนเหมือนสามารถควบคุมได้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าผู้ตัดสินใจสูงสุดในการผ่อนคลายมาตรการก็คือ ท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ. ศบค. ที่จะต้องเอาเข้าที่ประชุมแล้วจึงลงไปอยู่ในด้านการปฏิบัติในพื้นที่ หากต้องมีการผ่อนปรนอะไรขึ้นมา ทีมคณะกรรมการที่ดูแลผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่มีสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้ดู ก่อนเสนอให้นายกฯ พิจารณา ยืนยัน เราไม่สามารถให้เกิดคลื่นลูกที่สองได้อีก เพราะเราไม่มีงบประมาณที่จะจ่ายลงไปแล้ว เราเคยคิดกันในกระทรวงสาธารณสุขว่า ผู้ป่วยโควิด 1 คน ต้องใช้งบประมาณในการรักษาคนละ 1 ล้านบาท
ฉะนั้นตอนนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยเกือบ 3 พันคน ราชการก็เสียงบประมาณไปไปแล้วถึงเกือบ 3 พันล้านบาท ดัดนั้นประเทศไทยจะปล่อยให้เกิดการแพร่ระบาดคลื่นลูกที่ 2 ลูกที่ 3 อีกไม่ได้แล้ว เพราะเราใช้เงินไปเยอะจนต้องไปกู้เงินมา ถ้าเกิดขึ้นอีกจะต้องมีการสูญเสียงบประมาณอีกมาก ทำให้ต้องระมัดระวังในการตัดสินใจเรื่องของการผ่อนปรน
"พี่น้องประชาชนต้องเข้าใจ เราจะต้องผ่านจุดวิกฤตไปอย่างไร บางคนบอกว่า เบาใจได้แล้ว ติดเชื้อแค่ 13 คน 15 คน ขายของกันเถอะ สบาย ๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน คือ เผลอนิดเดียวตัวเลขผู้ป่วยขึ้นจากหลักพันเป็นหลักหมื่นกว่า นั่นคือการสูญเสียทรัพยากรไป ถ้า 1 คน เท่ากับ 1 ล้าน หมื่นคนก็คือหมื่นล้าน มันเยอะมาก เพราะฉะนั้น ต้องระมัดระวังในการตัดสินใจร่วมกัน แต่เชื่อว่าคนไทยสามัคคี เราต้องคิดและตัดสินใจร่วมกัน" โฆษก ศบค.กล่าว