ขณะที่เมื่อวานนี้(25 มิ.ย.) ชาวอังกฤษหลายหมื่นคน พากันออกไปท่องเที่ยวพักผ่อน นอนอาบแดดกันเต็มหาดในเมืองเซาท์เอนด์ ออนซี (Southend-on-Sea) และที่ชายหาดบอร์นมัธ (Bournemouth) ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด ซึ่งที่กรุงลอนดอนวัดอุณหภูมิได้สูงถึง 32.6 องศาเซลเซียส ทางการอังกฤษกังวลว่า หลังผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค แล้วมีประชาชนจำนวนมากออกมารวมตัวกัน อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกครั้ง
ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ เปิดเผยว่า หากประชาชนไม่เคารพกฎระเบียบทางสังคม เขามีอำนาจสั่งปิดชายหาดได้ ขณะที่สมาชิกสภาบอร์นมัธตะวันออก บอกว่า การประชาชนนับหมื่นคนแห่ออกมาที่ชายหาดเป็นพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นอันตรายกับตัวเองและคนอื่นที่เสี่ยงติดโรคระบาดได้ รัฐบาลอังกฤษควรเข้ามาช่วยรับมือกับวิกฤตครั้งนี้
ส่วนที่บราซิล ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต มากที่สุดอันดับสองของโลก ขณะนี้พบว่าประชาชนออกมาใช้ชีวิตประจำวันแทบจะเป็นปกติแล้ว หลังทางการประกาศคลายล็อกดาวน์ รถเมล์และรถไฟ ในเมืองรีโอ เดอ จาเนโร (Rio de Janeiro) มีผู้คนแห่มาใช้บริการหนาแน่น จนบางคนบอกว่า รู้สึกไม่ปลอดภัยในการขึ้นรถขนส่งสาธารณะ เพราะผู้คนมากเกินไป เสี่ยงที่จะติดโควิด-19 แม้จะมีมาตรการบังคับให้คนที่ขึ้นรถสาธารณะ สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เพราะบนรถไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้
สำหรับภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 9,700,000 คน เสียชีวิตเกือบ 500,000 คนแล้ว
สหรัฐฯ ยังครองแชมป์มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก ตามมาด้วย บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, อังกฤษ, สเปน, เปรู, ชิลี, อิตาลี และอิหร่าน