จากการสอบถาม น.ส.ธารีรัตน์ เจ้าของร้านขายชุดนักเรียน กล่าวว่าวันเกิดเหตุได้เรียกรถแท็กซี่บริเวณร้านสะดวกซื้อย่านนิมิตรใหม่ เพื่อจะไปลงที่เลียบทางด่วนย่านรามอินทราพร้อมกับลูกสาว โดยได้เบิกเงินสดจำนวน 100,000 บาท และใส่ไว้ในถุงพลาสติกสีขาว เพื่อที่จะมอบให้ลูกสาวหลังจากเรียนจบปริญญาตรี ซึ่งตนเองมีความตั้งใจเก็บสะสมเงินจำนวนนี้เพื่อที่จะมอบให้ลูกสาวเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อ เพราะลูกสาวเคยบอกว่าอยากไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ ตนเองจึงได้มอบเงินสดจำนวนนี้ให้ แต่ลูกสาวบอกว่าให้แม่เก็บรักษาไว้ก่อน
“ขณะนั้นก็กำถุงเงินใส่มือไว้แต่เมื่อลงจากรถแท็กซี่ กลับลืมถุงเงินไว้ที่เบาะหลังในรถแท็กซี่เมื่อไรไม่รู้ มารู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่รถแท็กซี่ขับออกไปแล้ว ต่อมาท่านผู้กำกับ สภ.คูคต ได้โทรแจ้งมาว่า คนขับรถแท็กซี่จะนำเงินที่ลืมไว้บนรถมามอบให้ที่ สภ. คูคต ตนเองถึงกับน้ำตาไหลไม่รู้ว่าจะกล่าวขอบคุณอย่างไร ตื่นตันใจกับสังคมไทยที่มีคนดี ๆ อีกมากมาย แม้ตนเองก็ไม่ใช่คนที่มีเงินร่ำรวยมากมาย แต่ก็ตั้งใจที่จะมอบสินน้ำใจให้กับคนขับแท็กซี่น้ำใจงามท่านนี้” น.ส.ธารีรัตน์ กล่าว
นายสุพล แพไธสงค์ โชเฟอร์แท็กซี่ กล่าวว่า ปกติแล้วตนเองขับรถแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่กำลังจะขับรถกลับบ้านย่านลำลูกกา ตั้งใจว่าจะไม่รับผู้โดยสารแล้ว ขณะขับรถได้มีผู้โดยสารหญิง 2 คน เรียกจึงได้รับไปส่ง เนื่องจากเห็นว่ายังไม่ 3 ทุ่ม เมื่อรับมาแล้วได้ไปส่งผู้โยสารที่ย่านถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา โดยเก็บค่าโดยสารไป 130 บาท หลังจากนั้นจึงได้ขับรถเพื่อกลับบ้าน แต่ก็มีผู้โดยสารหญิงมาโบกเรียกอีก ตนจึงจอดถามทราบว่ากระเป๋าเงินเขาหายไม่มีเงิน ช่วยไปส่งย่านปากเกร็ดหน่อย จึงถามไปว่าค่ารถเท่าไร หญิงสาวคนนั้นบอกว่า 80 บาท ขณะนั้นตนอยากกลับบ้านแล้ว จึงได้มอบเงินให้เขาไป 100 บาท เป็นค่าโดยสารเพื่อให้เรียนรถคันอื่น จากนั้นตนก็ขับรถกลับบ้าน
“ขณะผมทำความสะอาดรถและพบว่ามีผู้โดยสารลืมถุงไว้ เมื่อเปิดดูพบว่ามีเงินสดจำนวนมากจึงรีบไปส่งมอบให้ตำรวจ โดยที่ไม่ได้ดูในถุงว่ามีเงินเท่าไร เนื่องจากกลัวว่าเงินเขาจะหาย ผมก็คิดถึงว่าเงินเขาไม่ใช้เงินเรา กว่าเขาจะหาได้มาเป็นเงินก้อนนี้ ครอบครัวเขาก็ลำบาก เหมือนกับเราที่หาเงินทุกวัน และมีความเหน็ดเหนื่อยที่จะส่งลูกเรียน เขาก็คงเหนื่อยเหมือนกัน อย่างอื่นไม่คิด คิดแต่เพียงจะเอาเงินมาคืนเขาให้ได้” นายสุพล กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ กล่าวว่าเราได้เห็นถึงความซื่อสัตย์และความมีน้ำใจ เนื่องจากของที่หายไปของคน ๆ หนึ่ง มันมีค่า จะนำไปส่งลูกเรียนหนังสือ หรือนำไปทำกิจธุระของตน เป็นภาพที่ดีที่เราอยากเห็นกันในสังคม สำหรับผู้ที่เก็บของหาย ทางที่ดีที่สุดก็มาประสานที่สถานีตำรวจ ซึ่งทางโรงพักยินดีเป็นสื่อกลางประสานหาเจ้าของให้ สำหรับผู้ที่เก็บได้แล้วไม่คืนจะมีความผิดอาญาได้ ซึ่งคุณลุงขับรถแท็กซี่ได้แสดงให้เห็นว่าคนไทยเรายังมีน้ำใจ