กระทั่งเมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) ตำรวจคุมตัวไปเค้นสอบอีกครั้ง คราวนี้เขายอมเปิดปากรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุสังหารภรรยาด้วยมือของเขาเอง ตำรวจจึงคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ชี้จุดเกิดเหตุ และค้นหาอาวุธปืน ขณะนั้นผู้ต้องหารู้สึกผิดจึงขอให้ตำรวจพาไปขอขมาศพภรรยา ซึ่งตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 1 กิโลเมตร แต่เมื่อตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาเข้ามาในเขตวัด ชาวบ้านที่มาร่วมงานศพก็ต่างตะโกนสาปแช่ง โดยเฉพาะลูกสาวที่กรีดร้องโวยวายแสดงความไม่พอใจ ตำรวจจึงรีบคุมตัวผู้ต้องหากลับโรงพักเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม
ชายอายุ 38 ปี สารภาพว่า เขาอยู่กินกับภรรยามานานหลายปี กระทั่งเมื่อปี 2561 รู้สึกว่าภรรยาเปลี่ยนไป กลัวว่าจะมีชายอื่น จึงพยายามสอบถามแต่ภรรยาก็บ่ายเบี่ยง จึงเกิดมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันเรื่อยมา ต่อมาเขาอ้างว่า ไปเห็นภรรยามีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับชายคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ครั้งนั้นตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์หนีภาพบาดตาบาดใจไป ต่อมาชายคนดังกล่าวได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกระแวงว่าภรรยาจะปันใจให้ชายคนอื่นเรื่อยมา
กระทั่งวันเกิดเหตุภรรยากลับบ้านผิดเวลา ก็เกิดมีปากเสียงทะเลาะกันอีกครั้ง แต่ชนวนเหตุสุดท้ายที่ทำให้เขาตัดสินใจลงมือก่อเหตุ คือช่วงค่ำวันเดียวกัน จู่ๆ ห่านที่เลี้ยงไว้เกิดส่งเสียงร้อง ภรรยาจึงใช้ไฟฉายแบบคาดศีรษะออกไปดู ด้วยความสงสัยเขาจึงปีนหน้าต่างตามไป คิดว่าภรรยาจะออกไปหาผู้ชาย จึงบันดาลโทสะหยิบอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ที่ซ่อนไว้ในพงหญ้ามายิงใส่ภรรยาไป 1 นัด ก่อนจะโยนปืนทิ้งในกองไฟ แล้วค่อยวกกลับมาดูภรรยาที่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด จากนั้นจึงตะโกนขอความช่วยเหลือจากญาติ เพื่อพาภรรยาไปส่งโรงพยาบาล แต่ก็เสียชีวิตระหว่างทางเสียก่อน
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาชายอายุ 38 ปี ฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อนคุมดำเนินคดีตามกฎหมาย