พลตำรวจเอกศตวรรษได้เปิดเผยภายหลังการประชุม ระบุว่า กรณีเกี่ยวกับการใช้โคเคนในการรักษาฟัน จากผลตรวจร่างกายนายบอส แพทย์ยืนยันว่า มีการพบสารแปลกปลอมในร่างกาย 4 ชนิด ในจำนวนนี้มี 2 ชนิด ชนิดหนึ่งที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท และอีกชนิดไม่จัดเป็นยาเสพติด แต่เป็นเมตาบอไลท์ (Metabolite) ที่เกิดขึ้นในร่างกายเมื่อเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์ ส่วนทันตแพทย์ที่ให้การรักษานายบอส ยืนยันว่า ได้ให้ยาอะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) ซึ่งไม่มีสารเสพติด
จากนี้ตำรวจจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งว่าสารที่พบเกิดจากการเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์ หรือเกิดจากปฏิกิริยาของยาปฏิชีวนะ ถ้ามีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าสารทั้ง 2 ตัวเป็นสารเสพติด ทางคณะทำงานก็จะต้องพิจารณาเสนอให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป
ส่วนกรณีพยาน 2 คนที่มาให้การเพิ่มเติมในปี 2562 ทั้งคู่เป็นพยานเดิมที่เคยให้การไปแล้ว คนแรกคือ นายจารุชาติ มาดทอง ซึ่งเคยให้การเมื่อปี 2558 ขณะนั้นมาให้ปากคำกับตำรวจเองหลังทราบข่าว โดยมีคำให้การตั้งแต่แรก ยกเว้นเรื่องความเร็วซึ่งมาสอบเพิ่มเติมตามคำสั่งของอัยการที่มีคำสั่งให้สอบเพิ่มเติม ส่วนพยานอีกคนก็เคยมาให้การแล้วเมื่อปี 2558 เช่นกัน โดยเป็นการสอบปากคำหลังพนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องนายบอส กรณีขับรถโดยประมาทไปแล้ว
ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของนายจารุชาติ พลตำรวจเอกศตวรรษระบุว่าไม่ส่งผลต่อการพิจารณาของคณะกรรมการชุดนี้ เพราะคณะทำงานจะตรวจสอบรายละเอียดในส่วนสำนวนคดีเก่าเท่านั้น ไม่ได้สอบสวนในประเด็นใหม่เพิ่มเติม โดยชายคนดังกล่าวจะเป็นคนเดียวกับพยานในคดีและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือมีความผิดปกติใดหรือไม่ เป็นหน้าที่ของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง