หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี ทั้งพนักงานสอบสวน และอัยการ พิจารณาสั่งไม่ฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งกรรมาธิการฯ เห็นว่าควรเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล หากศาลเห็นว่ามีความผิด อาจส่งผลให้คำสั่งไม่ฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย และต้องมีการสอบสวนพิจารณาสั่งคดีใหม่อีกครั้ง
โฆษกคณะกรรมาธิการการตำรวจ บอกอีกว่า มี 3 กรณีที่จะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ คือ ทายาท หรือญาติของผู้เสียหายกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีโดยรัฐ และยื่นกล่าวหาต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนและชี้มูลความผิดฟ้องคดีต่อศาล
โฆษกคณะกรรมาธิการการตำรวจ บอกด้วยว่า ได้วิเคราะห์ข้อเท็จจริงและพฤติกรรมในการดำเนินคดีแล้ว เห็นว่าการใช้ดุลยพินิจของอัยการและพนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐานสอบสวนเพิ่มเติม และการพิจารณาสั่งคดี ไม่น่าจะถูกต้องในรูปคดี และไม่ชอบธรรมต่อสังคม
ส่วนกรณีที่ไม่สามารถติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ ควรกำหนดให้ศาลสามารถพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย ขณะที่การพบสารแปลกปลอมในเลือดผู้ต้องหา ซึ่งอาจเกิดจากการเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์ กรรมาธิการฯ เห็นว่าพนักงานอัยการสามารถสั่งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในข้อหายาเสพติดได้