นายนิพนธ์ กล่าวว่าหลังจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมมีประกาศคำสั่งรื้อถอนที่ 104/2560 ลงวันที่ 7 กันยายน 2560 และประกาศคำเตือนที่ 28/2563 ลงวันที่ 15 เมษายน 2563 เจ้าของรีสอร์ตดังกล่าวยังดื้อแพ่ง ไม่ยอมรื้อถอน จึงสั่งการให้มาติดป้ายประกาศคำเตือน ลงวันที่ 10 กันยายน 2563 เป็นครั้งสุดท้าย หากดื้อแพ่งไม่ยอมรื้อถอนภายใน 7 วัน ตามประกาศคำเตือนครั้งสุดท้ายแล้ว หัวหน้าอุทยานฯ เขาแหลม จะเข้าทำการรื้อถอนรีสอร์ตดังกล่าวจำนวน 14 หลัง ทันที และนำพื้นที่ดังกล่าวมาฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพป่าตามธรรมชาติต่อไป
นอกจากนี้ นายนิพนธ์ ยังกล่าวเพิ่มว่าได้รับจดหมายลงวันที่ 24 สิงหาคม 2563 จากนายกมนพฒน์ อุปการ ทนายความ สำนักงานธนเดช 10/5 หมู่ที่ 7 ตำบลคลองใหญ่ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก อ้างว่าที่ดินรีสอร์ตดังกล่าว เป็นของนายสมาน หงษ์เอี่ยม ซึ่งเป็นบุคคลผู้ยากไร้ กำลังขออนุญาตทำประโยชน์และอยู่อาศัยในที่ดินรีสอร์ตดังกล่าว ต่อสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดกาญจนบุรี
คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณเดือนพฤศจิกายน 2563 ขอให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) หรือหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม มีคำสั่งระงับการดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ตในที่ดินดังกล่าวไว้ก่อน หากรื้อถอนจะสร้างความเดือดร้อนและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายสมาน หงษ์เอี่ยม บุคคลผู้ยากไร้ เป็นอย่างมาก ซึ่งมีความจำเป็นต้องฟ้องร้องเป็นคดีความทั้งทางแพ่งและทางอาญาอย่างถึงที่สุด
นายนิพนธ์ ให้ความเห็นต่อกรณีนายกมนพฒน์ ทนายความ กล่าวอ้างว่าที่ดินเป็นของนายสมาน หงษ์เอี่ยม ว่าเป็นแปลงเดียวกันของนายกิตติพงศ์ ซึ่งถูกหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตรวจยึดพื้นที่พร้อมรีสอร์ตจำนวน 14 หลัง และถูกแจ้งความดำเนินคดี ในข้อหายึดถือ ครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมโดยมิได้รับอนุญาต ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2559
ต่อมาศาลอาญาจังหวัดทองผาภูมิ มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 227/2560 คดีหมายเลขแดงที่ 223/2560 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2560 พิพากษาว่านายกิตติพงษ์ จำเลย มีความผิดฐานยึดถือ ครอบครอง ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมโดยมิได้รับอนุญาต ลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา และให้นายกิตติพงศ์ จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทนและบริวารออกจากป่าที่เกิดเหตุ และให้นายกิตติพงศ์ จำเลย ชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติฯ จำนวน 101,499 บาท และนายกิตติพงศ์ จำเลยไม่อุทธรณ์คดีถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากคำพิพากษาศาลอาญาจังหวัดทองผาภูมิ เมื่อคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติว่านายกิตติพงศ์ ต้นสมบูรณ์ เป็นผู้ครอบครองที่ดินรีสอร์ตที่ผิดกฎหมายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมดังกล่าว การที่นายกลมพัฒน์ ทนายความ อ้างว่านายสมาน บุคคลผู้ยากไร้ เป็นผู้ครอบครองที่ดินรีสอร์ตดังกล่าว จึงขัดกับข้อเท็จจริงเป็นอันยุติแล้ว
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) จึงให้ทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลม นัดหมายกับนายกลมพัฒน์ ทนายความ นำนายสมาน มาชี้แนวเขตและยืนยันว่านายสมาน เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินรีสอร์ตดังกล่าวในวันที่ 25 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณที่ดินรีสอร์ตดังกล่าว โดยอุทยานแห่งชาติเขาแหลมจะดำเนินการตามกฎหมายกับนายสมานและผู้เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวต่อไป