หลังจากที่พรรคเดโมแครต-รีพับลิกัน เอาชนะการเลือกตั้งได้ในปี ค.ศ. 1800 พรรคเดโมแครต-รีพับลิกัน ก็กลายเป็นพรรคการเมืองหลักของสหรัฐฯ แต่ด้วยความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันภายในพรรค ต่อมาพรรคเดโมแครต-รีพับลิกัน จึงแบ่งออกเป็นฝ่ายต่างๆ ทำให้ประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ็คสัน แยกออกมากลายเป็นพรรคเดโมแครต ในปี 1829 โดยต้องการให้รัฐบาลกลางมีบทบาทน้อยลงไปอีก ตามที่ผู้ก่อตั้งพรรคทั้ง 2 คน ต้องการ
โดยนโยบายของพรรคเดโมแครต คือต้องการให้มีการเพิ่มจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากขึ้น ครอบคลุมชายอเมริกันผิวขาวทุกคน จากเดิมที่ให้สิทธิเลือกตั้งเฉพาะเจ้าของที่ดิน โดยที่คนแอฟริกันอเมริกันยังคงไม่มีสิทธิเลือกตั้งต่อไปอีกเป็นเวลา 41 ปี ส่วนผู้หญิงต้องรออีก 91 ปี
ต่อมาในปี 1860 เกิดความแตกแยกภายในพรรคเดโมแครต ก่อนที่จะเกิดสงครามกลางเมือง สมาชิกของพรรคที่เป็นฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้มีความเห็นไม่ตรงกัน ในเรื่องระบบทาสและการคงความเป็นสหภาพ เมื่อรัฐทางใต้แพ้สงครามกลางเมืองในปี 1865 สถานะของพรรคเดโมแครตในระดับประเทศ กลับตกต่ำลงไปหลายชั่วอายุคน จากนั้น พรรคเดโมแครตซึ่งอยู่ภายใต้การนำของอับราฮัม ลินคอล์น ชายผู้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพนับถือมาก ได้ครองอำนาจทางการเมืองในการปกครองประเทศ
ภายในปี 1912 เมื่อนายวู้ดโรว์ วิลสัน สมาชิกพรรคเดโมแครตจากรัฐทางใต้คนแรก ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี นโยบายของพรรคก็มีความก้าวหน้ามากขึ้น หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมือง ประธานาธิบดีวู้ดโรว์ วิลสัน สนับสนุนให้สตรีมีสิทธิเลือกตั้ง และสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความเห็นชอบในปี 1920 ทำให้พรรคเดโมแครตกลับมาครองอำนาจทางการเมืองอีกครั้งในยุคเศรษฐกิจตกต่ำภายใต้การนำพรรคของประธานาธิบดีแฟรงคลิน เดลาโน รูสเวลท์ ที่ขยายอำนาจรัฐบาลกลางให้กว้างขวางมากขึ้น ส่งผลให้พรรคเดโมแครต เริ่มออกตัวสนับสนุนแนวคิดแบบเสรีนิยม สนับสนุนความยุติธรรมให้เกิดขึ้นภายในสังคมสืบมา ทำให้ชาวแอฟริกันอเมิกาจำนวนมากหันมาสนับสนุนพรรคเดโมแครต เพราะนโยบายของประธานาธิบดีรูสเวลท์
ในช่วงกลางทศวรรษ 1960 ลินดอน จอห์นสัน ผ่านกฎหมายสิทธิพลเมือง และให้รัฐบาลจัดทำโครงการช่วยเหลือสังคมอื่นๆ
ทั้งนี้ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ผลัดกันครองตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเฉพาะนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนล่าสุดจากพรรคเดโมแครต ที่เป็นผู้นำผิวดำคนแรก และยังได้เพิ่มบทบาทของรัฐบาลด้านสาธารณสุขในการออกกฎหมายประกันสุขภาพ หรือ"โอบามาแคร์"
ขอบคุณข้อมูล : voa thai