ทนายความพาผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพ่อค้าและแม่ค้าขายลอตเตอรี่จำนวนหนึ่ง เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พันตำรวจเอก อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กรณีถูกหลอกลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือลอตเตอรี่ ไปขายแล้วถูกเชิดเงิน พร้อมนำเอกสารหลักฐานการซื้อมามอบให้ เพื่อขอให้ดีเอสไอติดตามทรัพย์ให้ผู้เสียหาย จำนวนกว่า 100 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 400 ล้านบาท และขอให้รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ
หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า เขาและพ่อค้าแม่ค้าด้วยกัน ถูกผู้ต้องหาซึ่งเป็นชาวจังหวัดร้อยเอ็ด เข้ามาตีสนิท ชักชวนให้ร่วมทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขาย หากขายได้หมดจะแบ่งเงินให้ผู้ร่วมลงทุน เขาหลงเชื่อเพราะเห็นว่ามีคนรู้จักร่วมทุนกับผู้ต้องหารายนี้มากว่า 2 ปี และมีรายได้จริง จึงซื้อลอตเตอรี่กับผู้ต้องหาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากนั้นนำไปขายให้กับเครือญาติ ในราคาต้นทุน ฉบับละ 80 บาท หรือกล่องละ 35,000-45,000 บาท
ช่วงงวดแรก ๆ ได้รับเงินจริง กระทั่งงวดวันที่ 16 ตุลาคม และ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีผู้มาฝากลงทุนร่วมกับเขาอีก 25 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาไม่สามารถหาลอตเตอรี่มาให้ได้ ทั้ง ๆ ที่จ่ายเงินไปแล้ว และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงเข้าแจ้งความเอาไว้ที่ สภ.รัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ในขณะเดียวกัน เขาก็ถูกผู้ร่วมลงทุนแจ้งความจับข้อหาฉ้อโกงด้วย
ด้านผู้เสียหายอีกราย บอกว่า แจ้งความเอาไว้แล้วเช่นเดียวกัน และทราบว่าตำรวจออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาแล้ว 8 คน ยังเหลืออีก 2 คน ที่ยังตามจับไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ และไม่ได้หลบหนีไปไหน ต่อมาตำรวจตามไปยึดทรัพย์ผู้ต้องหา ได้เป็นเงินสดและสร้อยคอทองคำ แต่เมื่อนำไปตรวจสอบพบว่าเป็นทองปลอม จึงรู้สึกไม่สบายใจ กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเรียนให้ดีเอสไอช่วยทำคดี
เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณาแล้ว โดยจะส่งพนักงานสอบสวนลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก และมีวงเงินสูงถึง 400 ล้านบาท พร้อมยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย