กล้องวงจรปิดภายในตลาดแห่งหนึ่ง บันทึกภาพคนร้ายเป็นหญิง สวมเสื้อสีม่วง เดินมาที่ร้านขายสลัดโรล และซื้อสินค้า ก่อนส่งเงินให้แม่ค้า ขณะที่รอเงินทอน หญิงเสื้อสีม่วงหยิบโทรศัพท์มือถือที่แม่ค้าวางไว้ให้สแกนคิวอาร์โค้ดจ่ายเงินในโครงการคนละครึ่ง หลังจากแม่ค้าทอนเงินให้ หญิงคนดังกล่าวก็เดินไปพร้อมหยิบมือถือไปด้วย และขี่รถจักรยานยนต์ออกจากตลาดไป
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ราว 18.00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี รับแจ้งคนร้ายขโมยโทรศัพท์มือถือของแม่ค้าภายในตลาดสันติสุขดอนกลาง ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ นางสาววิยะดา กองสุข อายุ 39 ปี แม่ค้าผู้เสียหายยืนรอให้การกับตำรวจ
เธอเล่าว่ามีคนร้ายเป็นผู้หญิง รูปร่างอ้วน อายุประมาณ 35-40 ปี สวมเสื้อสีม่วงเข้ามาทำทีซื้อสลัดที่ร้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกค้ากำลังเข้าร้าน และจ่ายเงินในระบบโครงการคนละครึ่ง เธอจึงนำมือถือเข้าระบบแล้วยื่นให้ลูกค้าสแกนคิวอาร์โค้ดชำระเงิน เมื่อลูกค้ารายแรกสแกนเสร็จได้วางโทรศัพท์ไว้ จากนั้นหญิงคนร้ายก็ทำทีเข้ามาซื้อสินค้าแล้วจ่ายเงินสด เพื่อยืนรอเงินทอน ก่อนแอบหยิบมือถือของเธอไป ต่อมาเธอหาโทรศัพท์เพื่อเข้าระบบให้ลูกค้าจ่ายเงินก็หาไม่เจอ จึงไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าถูกหญิงคนดังกล่าวขโมยไปแล้ว และยังเดินซื้อของในตลาดอย่างใจเย็นก่อนจะออกไปด้วย
ขณะที่แม่ค้าขายน้ำที่อยู่ร้านติดกัน เล่าว่า เธอจำได้ว่าหญิงคนร้ายที่ก่อเหตุได้เข้ามาซื้อน้ำเก๊กฮวยที่ร้านในราคา 85 บาท และสแกนคิวอาร์โค้ดจ่ายในโครงการคนละครึ่ง 42 บาท 50 สตางค์ โดยหญิงคนดังกล่าวยื่นโทรศัพท์ให้เธอดู แต่ไม่กดรหัสยืนยันการชำระเงิน ทำให้การชำระเงินไม่สำเร็จ ชื่อไม่ปรากฎในระบบ ซึ่งจังหวะนั้นเธอมีลูกค้าหน้าร้านหลายราย ประกอบกับระบบการยืนยันชำระเงินช้านิดหน่อย เนื่องจากมีคนใช้เยอะ ทำให้ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด แต่คาดว่าน่าจะทำแบบนี้อีกหลายร้าน จึงถือเป็นบทเรียนสำหรับแม่ค้าที่ใช้งานในระบบดังกล่าว ต้องตรวจสอบการชำระเงินให้ดี และไม่วางมือถือหรือยื่นให้กับลูกค้าไปสแกนเอง
ล่าสุดตำรวจสามารถจับตัว หญิงอายุ 54 ปี ได้ขณะกลับมาเดินซื้ออาหารในตลาดสันติสุขดอนกลาง ที่เคยมาก่อเหตุ พร้อมคุมตัวไปค้นที่บ้านพัก พบของกลางโทรศัพท์มือถือของแม่ค้าที่ขโมยมา และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในวันก่อเหตุ ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก
ผู้ต้องหายอมรับว่า ปกติเป็นลูกค้าที่ไปซื้อของกินในตลาดดังกล่าวเป็นประจำ โดยวันเกิดเหตุไปยืนซื้อสลัดโรลที่ร้าน แล้วเห็นโทรศัพท์มือถือวางไว้บนกองอาหาร ก็นึกว่าลูกค้าคนอื่นลืมไว้ จึงหยิบเอามาหวังนำไปให้หลานใช้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นของแม่ค้า เพราะหลังจากหยิบโทรศัพท์มาแล้ว ก็ยังไปเดินเลือกซื้อของต่อ กระทั่งวานนี้ (22 พ.ย.) ก็มาเลือกซื้อของกินกลับไปให้สามีที่นอนป่วยเหมือนที่ทำเป็นประจำ แต่ก็มาถูกจับ
ส่วนกรณีที่แม่ค้าขายน้ำ บอกว่าเธอสแกนจ่ายเงินค่าน้ำตามโครงการคนละครึ่ง แต่ไม่กดยืนยันนั้น อาจจะจำผิดคน เพราะยืนยันว่าซื้อน้ำด้วยเงินสด หลังตำรวจสอบปกาคำผู้ต้องหาแล้ว ได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ต่อไป