จากการลงพื้นที่ตรวจสอบบนถนนสายบ้านหัวเสือ-ปังกู ต.ปังกู อ.ประโคนชัย พบชาวนานำข้าวเปลือกมาตากริมถนน กำลังจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพากันผลัดเปลี่ยนมาเฝ้าข้าวเปลือกที่ตากเอาไว้ เพราะเกรงจะถูกคนร้ายกลับมาลักขโมยอีก
โดยนายปัญญา เชนประโคน อายุ 47 ปี และน.ส.ลันทรา วิงประโคน อายุ 44 ปี สองสามีภรรยาผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้นำข้าวเปลือกที่จ้างรถเกี่ยวเกี่ยวจากทุ่งนาเสร็จประมาณ 8 ตัน ไปกองไว้ข้างถนนเพื่อเตรียมเกลี่ยตากแดดลดความชื้นที่บริเวณริมถนนสายบ้านหัวเสือ-ปังกู จากนั้นก็กลับเข้าบ้านเพื่อมาเตรียมอุปกรณ์ออกไปนอนเฝ้าข้าวที่ตากไว้
แต่ระหว่างกำลังเตรียมเต็นท์นอนและเสื้อผ้า มีเพื่อนบ้านโทรศัพท์มาบอกว่า เห็นวัยรุ่นประมาณ 5 คน ขับรถกระบะแต่งซิ่งสีบอรนด์ มากรอกเอาข้าวเปลือกขึ้นรถกระบะออกไป ก็รู้สึกตกใจจึงรีบออกไปดู เพราะเชื่อว่าโดนขโมยแน่นอน เนื่องจากไม่ได้บอกให้ใครไปขนข้าว พอไปถึงก็พบว่าข้าวเปลือกที่กองไว้หายไปส่วนหนึ่ง ประมาณ 1,000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน คิดเป็นเงินก็เกือบ 15,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามคนที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า รถที่มาขนข้าวเป็นรถกระบะแต่งซิ่ง มีวัยรุ่นประมาณ 5 คน เอากระสอบมากรอกแล้วขนขึ้นรถแบบไม่สนใจ
น.ศ.ลันทรา ยังบอกอีกว่า ครอบครัวทำนา 20 ไร่ ต้องลงทุนทั้งค่าไถ ค่าปุ๋ย และค่าเกี่ยว รวมต้นทุนที่ลงไปกว่า 60,000 บาท โดยข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้วก็จะเก็บไว้ทำพันธุ์ ไว้กินในครอบครัว ส่วนที่เหลือก็จะเอาไปขายใช้หนี้ ธกส. ที่กู้ยืมมาลงทุนทำนา ก็ไม่คิดว่าคนร้ายจะมาลักขโมยซ้ำเติมกันแบบนี้ ก็อยากฝากถึงกลุ่มวัยรุ่นที่มาขโมยข้าวว่าหากสำนึกได้ก็อยากให้เอากลับมาคืน และอย่าไปก่อเหตุแบบนี้กับใครอีก เพราะกว่าจะได้ข้าวมาลำบากมาก ซึ่งเบื้องต้นก็ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ประโคนชัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีแล้ว