ถามกันในโลกโซเชียลขนาดนี้ ปรากฏว่าผู้รู้ มาแสดงตัวกันเพียบ แห่คอมเมนท์กันถล่มทลายเป็น 2 เสียง 2 ฝั่งก็มีทั้งที่บอกว่า แพงเว่อร์เกินเบอร์ไปมาก ระยะทางแค่ 9 กิโลเมตร ไม่ได้ไกลมากมาย เจ้าของอู่กะหวังรวยเลยหรือไง แถวบ้านลากรถแค่นี้ไม่เกิน 2,000 บาทเท่านั้น จะหากินบนความทุกข์ของชาวบ้านหรืออย่างไร ส่วนบางคนก็บอกว่าจริงๆ แล้วควรจะสอบถามทางอู่ก่อนมั๊ย ตกลงราคากันก่อน ต่อรองราคากันให้เรียบร้อย อยู่ที่ความพึงพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย พอตกลงกันได้แล้วก็ค่อยตัดสินใจ แต่ก็อีกอ่ะนะ รถประสบอุบัติเหตุผู้ขับขี่อาจจะกำลังตกใจทำอะไรไม่ถูก แล้วก็เห็นว่า ตำรวจช่วยเรียกมาให้ ไม่น่าจะถูกฉวยโอกาสฟันราคา ส่วนอีกมุมก็ชาวเน็ตก็มองว่า ราคานี้ก็ปกติมาก อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แถวบ้านเริ่มต้นที่ 3,500 บาท ส่วนบางคนก็บอกว่า ไหนๆ ก็ให้อู่เขาไปลากรถแล้ว อย่าไปคิดเยอะก็จ่ายไป ถือว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน โอโห ต่างมุมมองกันจริงๆ
ทีมข่าวติดต่อไปยังผู้โพสต์เฟสบุ๊กรายนี้ เปิดใจว่า ที่โพสต์ลงไปในโลกโซเชียล ไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีหรือทำให้ทางอู่เสียหายแต่อย่างใด เพียงแต่สงสัยเท่านั้นว่า ราคานี้แพงไปหรือไม่ เพราะไม่เคยใช้บริการรถลากเลย ก็เลยโพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว เพื่อสอบถามผู้รู้ แต่สำหรับคนหาเช้ากินค่ำอย่างครอบครัวตน ราคานี้ก็จัดว่าแพงอยู่ นึกว่าจะจ่ายแค่ไม่เกิน 1,000 บาท
ผู้โพสต์เฟซบุ๊กเล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุตนกับครอบครัวขับรถจะออกไปทานข้าวกัน แต่ขับรถออกไปได้ไม่ทันไร ก็ดันไปเกิดอุบัติเหตุ โดนรถยนต์คันอื่นขับมาชนรถตนเอง จนล้อรถข้างหน้าบิดเบี้ยว ไปต่อไม่ได้ ทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ประกันก็มาจุดเกิดเหตุ ตำรวจก็หวังดี เรียกรถลากสไลด์มาให้ ตอนแรกตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร ก็เลยตามเลย ตอนนั้นก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก ยอมรับว่า เครียดทีเดียว จนพอไปถึงโรงพักทางเจ้าหน้าที่ ก็แจ้งค่าบริการของรถลากสไลด์ พอเห็นบิลก็เครียดยิ่งกว่าเดิม ปวดหัวหนักมาก ตกใจสุดๆ เจอค่ารถลาก 4,500 บาท แพงเกินไปไหม ตำรวจก็บอกว่า ให้ลองโทรไปต่อรอง ขอลดราคากับทางอู่ดู เผื่อเขาจะลดให้ เขาก็ลดให้เหลือ 4,000 บาท ตนเองเคยใช้บริการรถลากอยู่ก็แค่ 800-1,000 บาท ก็เลยรู้สึกว่ามันแพงเกินไปไหม แค่รถประสบอุบัติเหตุก็เดือดร้อน ไม่มีรถใช้อยู่แล้ว ยังมาเจอแบบนี้อีก น่าจะสงสารเห็นใจกันบ้าง