โดยมีพลเมืองดีสามารถถ่ายภาพขณะที่คนร้ายคนดังกล่าวปีนข้ามเคาน์เตอร์กระโดดออกมา พร้อมกับหอบถุงใส่สร้อยทองของกลางวิ่งหนีไปด้วยเอาไว้ได้เช่นกัน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงค่ำวานนี้ (19 ม.ค. 64) ตำรวจ สภ.โนนไทย ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายถือปืนบุกเข้ามาจี้ชิงทองในร้านทอง จึงเดินทางมาตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน โดยได้เก็บหลักฐานลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายพร้อมสอบปากคำพนักงานในร้านและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ในจุดเกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี
สอบถามพนักงานในร้าน เล่าว่าก่อนเกิดเหตุเตรียมเก็บของปิดร้าน จู่ๆ มีคนร้ายใส่เสื้อมีฮู้ดคลุมศีรษะ สวมหน้ากากอนามัย เดินมาที่เคาน์เตอร์และชักปืนออกมาขู่บอกให้ส่งทองให้เร็วๆ ไม่เช่นนั้นจะยิงให้ตาย ตอนแรกพนักงานส่งสร้อยทองให้เพียงเส้นเดียวแต่คนร้ายไม่พอใจกระโดดข้ามไปด้านในและกวาดสร้อยทองในถาดไปอย่างรวดเร็วก่อนปีนข้ามกลับออกมาแล้ววิ่งหนีไป
ล่าสุดวันนี้ (19 ม.ค. 64) ตำรวจพบรถจักรยานยนต์สภาพเก่าไม่ติดป้ายทะเบียนซึ่งเป็นรถของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ตำบลจันอัด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอยู่ห่างจากห้างที่เกิดเหตุประมาณ 21 กิโลเมตร พร้อมสอบปากคำ นางสาวรัชฎาภรณ์ จอนเกาะ อายุ 42 ปี เจ้าของบ้าน เธอให้การว่าเมื่อค่ำวานนี้ (19 ม.ค. 64) นายสอบ ดอนแก้วกลาง อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นน้าชาย ยืมรถรถจักรยานยนต์คันนี้ไปตลาดก่อนขี่กลับมาบ้านราว 21.00 น. และขับรถเก๋งสภาพเก่าออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบ ซึ่งปกติน้าชายทำงานอยู่ต่างจังหวัด นานๆ จะกลับมาบ้าน เมื่อเดือนก่อนเจอพิษโควิด-19 จึงตกงาน และกลับมาอาศัยที่บ้านของเธอแต่ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเพราะเขาเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง
ต่อมาตำรวจสามารถติดตามตัว นายสอบ ดอนแก้วกลาง อายุ 63 ปี พร้อมของกลาง ปืนและสร้อยคอทองคำ น้ำหนักรวม 73 บาท มูลค่าเกือบ 2,000,000 บาทได้ หลังขับรถเก๋งหลบหนีไปในพื้นที่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นระยะทางไกลกว่า 400 กิโลเมตร ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา
เบื้องต้นเขาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เพราะตกงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงไม่มีรายได้และติดหนี้พนัน