นายอัจฉริยะ ระบุว่า เนื่องจากพื้นที่บ้านกกกอก อยู่ในพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งเดิมอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยก่อนปี 2541 สามารถอยู่อาศัยต่อไปได้ และสามารถทำกินได้เฉพาะที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น โดยผู้อยู่อาศัยจะไม่มีเอกสารครอบครองสิทธิในที่ดิน แต่จากข้อมูลทราบว่านายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ญาติของน้องชมพู่ ต้องสงสัยว่าได้ซื้อที่ดินดังกล่าวต่อจากผู้อยู่อาศัยเดิม เข้าไปปลูกสร้างที่อยู่อาศัยในปี 2557 และยังปลูกสร้างศาลพญานาคเมื่อปลายปี 2563 ถึงต้นปีนี้ เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้บูชา ซึ่งเป็นการผิดวัตถุประสงค์ตามกฎหมายชัดเจน
อีกทั้งตนเห็นว่าการก่อสร้างศาลดังกล่าวที่มีการพิสูจน์แล้วว่าไม้ที่เคยนำไปให้ประชาชนกราบไหว้บูชานั้น แท้จริงแล้วเป็นไม้มะค่าแต้ ซึ่งเพิ่งถูกเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ตรวจยึดไปเป็นของกลางได้ไม่นาน ก็กลับหาไม้ซุงมาวางแทนที่และกล่าวอ้างว่าเป็นที่สถิตย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เห็นชัดเจนว่าเป็นการเจตนาสร้างความงมงายให้ประชาชน จึงตัดสินใจรวบรวมพยานหลักฐานมาแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ตำรวจมีข้อมูลพื้นที่ป่าสงวนอยู่แล้ว และจากหลักฐานที่นำมาแสดงก็สอดคล้องกับข้อมูลที่ต้องสงสัยว่าอาจมีการกระทำผิดกฎหมายจริง หลังจากนี้ก็จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เพื่อสอบสวนปากคำเพิ่มเติม ก่อนพิจารณาว่าผู้ต้องสงสัยเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ในการสรุปผลดำเนินคดี หากพบว่าเข้าข่ายกระทำผิดจริง ก็จะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป