นายเอเล่าต่อว่าที่ผ่านมาก็ดูหลายเจ้าแล้ว แต่เนื่องด้วยเวลาไม่ค่อยสะดวก จึงติดต่อกับสามีภรรยาคู่นี้ให้เลี้ยงลูก เพราะเห็นว่าอยู่ใกล้และอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน จนวันที่ 23 ม.ค. 2564 จึงนำลูกชายไปฝากเลี้ยง ช่วงเย็นก็ไปหาลูกชาย แต่ไม่ได้เข้าไปหาลูกชายในบ้าน กลัวว่าลูกจะงอแงร้องตามเพราะลูกชายติดตนมาก จึงฝากลูกกับพี่เลี้ยงไว้ จนช่วงเย็นของวันที่ 24 ม.ค. 2564 พี่เลี้ยงโทรศัพท์มาหาตนที่ทำงาน บอกให้ซื้อยาแก้ตัวร้อน ยาแก้อักเสบ และของใช้ลูกให้ด้วย เมื่อตนเดินทางไปที่บ้านของพี่เลี้ยงก็ได้รับแจ้งจากพี่เลี้ยง ว่าลูกชายลื่นล้มในห้องน้ำแต่ไม่เป็นอะไรมากตอนนี้หลับอยู่ ตนจึงไม่ได้เข้าไปดูกลัวว่าน้องจะร้องตาม และก็กลับมาบ้าน
“พอตอนเช้า (25 ม.ค.64) พี่เลี้ยงโทรศัพท์มาหาบอกว่าลูกชายมีอาการชัก ให้รีบมาโรงพยาบาลอุทัย ตนพร้อมภรรยาจึงได้รีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล ก็เห็นสภาพลูกชายมีใบหน้าบวมเขียวช้ำ หมดสติ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลซักประวัติลูกชาย เพื่อจะนำส่งต่อโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากลูกชายอาการสาหัสไม่รู้สึกตัว พอไปถึงโรงพยาบาลหมอได้พาเข้าห้องไอซียูทันที พยาบาลบอกว่าลูกชายมีเลือดคั่งในสมอง เส้นนัยน์ตาเหมือนจะแตก เส้นเลือดในคอขาดเหมือนมีรอยเตะหรือหักคออย่างแรง และมีเลือดออกในช่องท้อง ตอนนี้ลูกชายอาการสาหัสมาก ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.อุทัย เพื่อให้ตำรวจสอบสวนหาสาเหตุกับพี่เลี้ยง ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งตนไม่เชื่อว่าลูกชายจะลื่นล้มเอง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ อาการเป็นตายเท่ากัน แต่ถ้าเกิดจากอุบัติเหตุจริงตนก็จะไม่ติดใจ แต่ถ้าเกิดจากการกระทำของพี่เลี้ยง ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” พ่อน้องไตเติ้ล กล่าว