3 ปี ทุ่มเทเก็บขยะ เจอพิษน้ำเน่า ตุ่มขึ้นเต็มตัว

น.ส.สุภาดา วงศ์ซิ้ม ประธานองค์กรสื่อสารด้านการขยะ Rubbish Communication ได้เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดของร่างกาย หลังทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมาตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี จนได้รับผลกระทบทางร่างกายเป็นบาดแผลและมีอาการคันตามผิวหนัง และทางแพทย์ได้สั่งให้หยุดพักทำกิจกรรมภาคสนามและดูแลตัวเองในระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งในขณะนี้มีอาการดีขึ้นเป็นอย่างมาก บาดแผลของผิวหนังเริ่มดีขึ้น และไม่มีอาการคัน หลังหยุดพักทำกิจกรรมภาคสนาม ทำให้ร่างกายไม่ต้องเจอกับฝุ่นหรือน้ำเสีย

โดยขณะที่พักรักษาตัวทำให้ต้องศึกษาวิธีการดูแลตัวเองมากขึ้น หาวิธีการต่างๆ มากมาย เพื่อให้การรักษาดีขึ้น เพราะขณะนั้นถึงขั้นที่ว่าแย่มากๆ มีอาการจิตตก นอนไม่หลับ และมีความเป็นกังวลในเรื่องการเป็นมะเร็งผิวหนังและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่ตรวจแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่มีผลมาจากน้ำเสียและขยะตอนไปทำงาน จนได้พูดคุยกับคุณแม่ที่เคยใช้ยาสมุนไพรอยู่แล้ว ผู้หลักใหญ่กลุ่มพลังศรัทธาไลฟ์วิชั่น ให้ยาสมุนไพรมา ทดลองใช้ทางตามผิวหนังก็พบว่ามีผลดีขึ้นจะเห็นให้ได้ว่าบาดแผลตามร่างกายเริ่มดีขึ้นตามลำดับ

ประธานองค์กรสื่อสารด้านการขยะ เผยว่า ที่ผ่านมามีผู้หวังดีจำนวนมากได้นำยาต่างๆ มาให้ทดลองใช้เพื่อทำการรักษาตัว แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย แต่สมุนไพรที่ทดลองใช้เมื่อทาไปแล้วจะรู้สึกได้ว่า เมื่อได้ทำกิจกรรมอะไรที่ออกเหงื่อ หรือเจอความสกปรกก็ไม่ทำให้เกิดอาการคัน หลังจากนี้การทำงานขององค์กรฯ จะมีการปรับเปลี่ยนให้มีการระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น และมีอุปกรณ์ป้องกันมากขึ้น แต่งานที่ทำอยู่ไม่อาจสามารถหลีกเลี่ยงขยะ ฝุ่น หรือน้ำเสียได้ จึงต้องมีการรักษามาจากภายใน การสร้างภูมิป้องกันให้ร่างกายคือการป้องกันที่ดีท่ีสุด

อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนที่ให้ความกรุณาและความร่วมมือเป็นอย่างดีในการเผยแพร่ข้อมูลการทำงานสาธารณะกุศล ด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร สื่อสารด้านการขยะออกสู่สาธารณชน และในขณะนี้ยังไม่ผ่านวิกฤตการณ์โควิด-19 ก็อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รับประทานของที่มีประโยชน์ รักษาเรื่องการเว้นระยะห่าง การสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่คนจำนวนมาก และที่สำคัญคือเรื่องของการรักษาความสะอาด เพราะสภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งที่มีผลต่อสุขภาพ และอยากให้หันมาใช้สมุนไพรโดยไม่ต้องพึ่งพายาเคมี