เมื่อเดินทางมาถึงศาลได้มีกองเชียร์ของครูปรีชาที่ทราบข่าว เข้ามามอบดอกไม้ให้เป็นกำลังใจ ก่อนที่ครูปรีชาและทนายความจะใช้เวลาเข้าไปยื่นฎีกา ประมาณ 15 นาที จากนั้นก็กลับออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
นายวรยุทธ ระบุว่า การเดินทางมายื่นฎีกาต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีในวันนี้ ก็เพื่อเป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ในการโต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ครูปรีชาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมวดจรูญ โดยทางฝ่ายของครูปรีชา ได้นำเสนอประเด็นในเรื่องของนิติกรรมการซื้อขาย สลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับที่ถูกรางวัลที่ 1 ระหว่างครูปรีชากับแม่ค้า ซึ่งมีการซื้อขายกันอย่างถูกต้องและสำเร็จแล้ว รวมถึงได้ยกประเด็น ในเรื่องคำให้การของพยาน โดยเฉพาะในส่วนของพยานที่เป็นแม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ให้การยืนยันว่าเป็นผู้ขายสลากชุดที่ถูกรางวัลให้กับครูปรีชา ทำให้ทางฝั่งของครูปรีชาสามารถพิสูจน์ที่มาที่ไปของสลากชุดที่ถูกรางวัลได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
พร้อมกันนี้ ทางครูปรีชายังได้ยื่นขอให้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ช่วยพิจารณาอนุญาตให้สามารถยื่นฎีกาได้ โดยคาดว่า ศาลจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 เดือนจึงจะทราบผล ว่าจะสามารถฎีกาได้สำเร็จหรือไม่
ด้านครูปรีชา เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า ที่สินใจยื่นฎีกาในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ว่าตนเองเป็นเจ้าของสลากชุดที่ถูกรางวัลอย่างแท้จริง ซึ่งตนก็หวังว่า ศาลจะพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับตนเองได้
เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่ว่า หากศาลฎีกา รับเรื่องฎีกาและพิจารณากลับคำตัดสินให้กับทางครูปรีชาเป็นฝ่ายชนะคดี แต่ฝ่ายของคู่กรณีคือหมวดจรูญ อาจจะไม่มีเงินมาชดใช้ให้กับครูปรีชาได้ทั้งหมดนั้น ครูปรีชาจะทำเช่นไร ครูปรีชาได้ตอบคำถามถึงเรื่องนี้ว่า จุดประสงค์แท้จริงที่ตนตัดสินใจยื่นฎีกาก็เพื่อต้องการที่จะพิสูจน์ความจริงให้กับสังคมได้รับรู้ ว่าตนเป็นเจ้าของสลากชุดที่ถูกรางวัลโดยแท้จริง และต้องการทวงคืนศักดิ์ศรีความเป็นครูของตนกลับคืนมา
จนถึงตอนนี้คนในสังคมบางส่วนก็ยังคงไม่เชื่อว่าตนเองเป็นเจ้าของสลากชุดที่ถูกรางวัล และยังคงมองว่าตนเป็นคนสร้างเรื่องโกหกขึ้นมา ถ้าศาลฎีกา พิจารณา กลับคำตัดสิน อย่างน้อยตนก็ยังได้ทวงคืนศักดิ์ศรีให้กับตัวเองได้ และจะได้ใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเต็มภาคภูมิ ส่วนเรื่องของเงินรางวัลจากการถูกรางวัล ก็คงจะมีช่องทางตามกฎหมายที่จะสามารถฟ้องร้องเรียกคืนกลับมาได้