วันนี้ (7 มิ.ย.64) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิจัยในแอฟริกาใต้ รายงานเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ว่า พบหญิงคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนาม วัย 36 ปีป่วย HIV ติดโควิด-19 นานถึง 7 เดือน พบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในร่างกายของหญิงคนดังกล่าวถึง 32 ครั้งในรอบ 6 เดือน
หญิงคนดังกล่าวได้รับเชื้อ HIV ตั้งแต่ปี 2549 และมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ และติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเดือน ก.ย.63 พร้อมทั้งพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของผิวโปรตีนของไวรัส 13 ครั้ง และการไวรัสมีเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมอีก 19 ครั้ง โดยในจำนวนนี้ มีโควิด-19 กลายพันธุ์ร่วมด้วย เช่น สายพันธุ์อัลฟา (สายพันธุ์อังกฤษ) สายพันธุ์เบตา (สายพันธุ์แอฟริกาใต้)
การวิจัยดังกล่าว เป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วย HIV มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 และไวรัสอาจมีพัฒนาการที่รุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าพบว่ามีผู้ป่วย HIV ติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้น อาจส่งผลให้การระบาด และการกลายพันธุ์ของโควิด-19 มีมากขึ้น
นักวิจัยยังกล่าวกับสื่ออีกว่า แม้ว่าเราจะจัดการกับโควิด-19 ได้ แต่ก็มีรายงานในหลายฉบับเกี่ยวกับการติดเชื้อเรื้อรังในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อย่างเช่นหญิงคนดังกล่าวที่ติดเชื้อนานถึง 7 เดือน แม้จะให้ยาต้านไวรัสแล้วก็ตาม ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ไวรัสจะสามารถอยู่ในร่างกายได้นานขึ้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
กรณีดังกล่าว ทำให้เหล่านักวิจัยเกิดความกังวล ซึ่งปัจจุบันในประเทศแอฟริกาใต้ มีผู้ติดเชื้อ HIV ราว 7.8 ล้านคน และประเทศอินเดียที่มีผู้ติดเชื้อ HIV ราว 1 ล้านคน ที่ยังไม่ได้รับการรักษา
