สำหรับยาแพกซ์โลวิด ต้องใช้คู่กับยาริโทนาเวียร์ กินยาต่อเนื่อง 5 วัน ต้องใช้ยาแพกซ์โลวิด 20 เม็ด และยาริโทนาเวีย 10 เม็ด ผลการทดสอบพบว่า กรณีให้ยาภายใน 3 วันหลังมีอาการ ลดการเสียชีวิตและนอน รพ. ได้ 89% กรณีให้ยา 5 วันหลังมีอาการ ลดการเสียชีวิตและนอน รพ.ได้ 85% โดยไม่พบผู้เสียชีวิต แต่กลุ่มที่ได้ยาหลอกมีผู้เสียชีวิต
ซึ่งยาทั้ง 2 ตัว มีประสิทธิผลในการช่วยไม่ให้ความรุนแรงถึงเข้านอน รพ.ได้ทั้ง 2 ชนิด ไม่มีผู้เสียชีวิตในกลุ่มที่ได้รับยา และสามารถใช้ได้กับไวรัสก่อโรคโควิด-19ทุกสายพันธุ์ กรณีราคานั้นยังพูดยาก เพราะยาตัวใหม่ยังไม่ทราบว่าจะมีราคาเท่าไร
นพ.อรรถสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ไทม์ไลน์การนำยาแพกซ์โลวิดเข้ามาใช้ในประเทศไทยนั้น กรมการแพทย์ได้มีการหารือกับบริษัทไฟเซอร์ เกี่ยวกับข้อมูลยาและการวิจัยตั้งแต่เดือน ส.ค.64 ขณะนั้นผลวิจัยยังไม่ออก ต่อมาเดือน ต.ค.64 มีการหารือเป็นรอบที่ 2 เกี่ยวกับความก้าวหน้าโครงการวิจัย และปัจจุบันผลการศึกษาวิจัยเบื้องต้นออกมาแล้ว จะมีการหารือร่วมกันรอบที่ 3 ในวันที่ 12 พ.ย.64 เกี่ยวกับความเป็นไปได้กับการจัดหายา ประมาณการว่าบริษัทไฟเซอร์น่าจะยื่นขออนุญาตกับ FDA สหรัฐอเมริกา ในเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นจะมีความก้าวหน้าในการจัดหายาแพกซ์โควิดเพิ่มขึ้น
ส่วนยาโมลนูพิราเวียร์นั้น FDA สหรัฐฯ กำลังพิจารณา คาดว่าหากผ่านการขึ้นทะเบียน สธ.เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม.) วันพรุ่งนี้ ( 9 พ.ย.64) ขออนุมัติงบประมาณจัดซื้อยาโมนูลพิราเวียร์ คาดว่าจะมีการนำยามาในประเทศไทยราวเดือน ธ.ค.64 - ต้นปี 65
ส่วนยาโมลนูพิราเวียร์กับยาแพกซ์โควิด แตกต่างจากยายาฟาร์วิพิราเวียร์อย่างไรนั้น นพ.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า ยาแพกซ์โลวิดและโมลนูพิราเวียร์เป็นการศึกษาในผู้ป่วยโควิดโดยเฉพาะ แต่ยาฟาร์วิพิราเวียร์เป็นยาที่ใช้รักษาไวรัสตัวอื่นมาก่อน เมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด-19จึงนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโควิดและได้ผล