ปัญหาฝุ่นควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง สาเหตุทั้งจากฝุ่นควันจากการใช้ยานพาหนะ ฝุ่นควันจากการก่อสร้าง การทำอาหาร โรงงานอุตสาหกรรม จากการเผาไหม้เศษพืชไร่ รวมทั้งปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเข้าสู่ฤดูแล้ง ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม จนถึงเดือนพฤษภาคม ทำให้ฝุ่นควันกระจายไปทั่ว ส่งผลกระทบด้านระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว และที่สำคัญคือ สุขภาพของประชาชน
โดยเฉพาะด้านสุขภาพ เนื่องจากฝุ่นควันจากการเผาไหม้ ทำให้เกิดก๊าซอันตรายต่าง ๆ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจและเป็นมะเร็งได้แล้ว ยังสามารถเข้าสู่ถุงลมปอดและเส้นเลือดได้ด้วย นอกจากนี้ PM 2.5 ยังลอยอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานาน และลอยไปได้ไกล จึงมีโอกาสที่จะถูกสูดดมเข้าไปในร่างกาย ก่อนที่จะตกลงสู่พื้น นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ภาคประชาสังคมอย่าง สภาลมหายใจเชียงใหม่ ระดมความคิดเพื่อแก้ไขปัญหา
ข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พบปีนี้มียอดผู้ป่วยมลพิษทางอากาศในจังหวัดแล้วกว่า 22,500 คน กลายเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข
ซึ่งจากการทำงานของ สภาลมหายใจเชียงใหม่ สะท้อนให้เกิดความตื่นตัวในภาคประชาชนมากขึ้น จากเดิมที่เป็นบทบาทของภาครัฐเพียงอย่างเดียว เช่น การประกาศห้ามเผา ทำให้เกิดผลตอบรับที่เข้มแข็ง เป็นตัวแทนของภาคประชาชนที่ให้ความรู้กันเอง จนสามารถกระตุ้น สร้างความร่วมมือได้ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาของภาครัฐอย่างเอาจริงเอาจัง
ณัฐชนน Love เลย