วินาทีเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บฝ่าน้ำป่าเชี่ยวกราก จ.นครศรีธรรมราช
เป็นภาพนาทีที่อาสากู้ภัย และเจ้าหน้าที่จากอำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ ต้องช่วยกันนำเชือกมาสร้างเป็นสะพานเชือกชั่วคราว ระหว่างต้นไม้ใหญ่ 2 ฝั่งถนน ภายในพื้นที่บ้านหมู่ 6 บ้านปากลง ตำบลกรุงชิง ในภาพจะเห็นว่าถูกกระแสน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมเต็มถนน และพื้นที่โดยรอบ จนไม่สามารถใช้ยานพาหนะใด ๆ เข้าไปเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บได้ ซึ่งผู้บาดเจ็บรายนี้เป็นหญิงสูงอายุ ที่ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำของตนเอง
โดยการลำเลียงผู้บาดเจ็บต้องนำขึ้นเปลบอร์ดในท่านอนราบ ใช้เชือกเซฟตีรัดให้แน่น และต้องใช้เชือกชักรอกข้ามถนนที่ถูกน้ำท่วม จะเห็นได้ว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวมาก โดยมีเจ้าหน้าที่คอยประคองเชือกอยู่อีกฝั่ง ชักรอกอย่างระมัดระวังที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้บาดเจ็บได้รับความกระทบกระเทือนไปมากกว่านี้ โดยใช้เวลาอยู่ระยะหนึ่ง ก็สามารถนำผู้บาดเจ็บข้ามฝั่ง ก่อนจะนำขึ้นรถส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย
เคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤตข้ามจังหวัดภายใน 43 นาที จ.เชียงใหม่
ที่ จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการบินทหารบก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 ต้องนำเฮลิคอปเตอร์รุ่น Huey จำนวน 1 ลำ พร้อมด้วยทีมแพทย์ฉุกเฉินจากโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ เข้าให้ความช่วยเหลือในการลำเลียงตัวผู้ป่วยฉุกเฉิน เป็นหญิงอายุ 83 ปี ชาวบ้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีอาการภาวะหัวใจขาดเลือดจนมีอาการช็อก หัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ ทีมแพทย์ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นทันที
โดยการลำเลียงผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ต้องไปรับผู้ป่วยจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปยังค่ายทหารเสือพระองค์ดำ กองพลทหารราบที่ 7 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งตัวเข้ารับการรักษาพยาบาลยังโรงพยาบาลนครพิงค์ ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 43 นาที เท่านั้น ซึ่งหากเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์นั้นอาจจะไม่ทันการ เพราะต้องขับรถยนต์ลัดเลาะตามเส้นทางเขาที่คดเคี้ยวในระยะทางกว่า 246 กิโลเมตร ใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นอันตรายแก่ผู้ป่วย โดยการช่วยเหลือดังกล่าวเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่าง กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในการช่วยเหลือชีวิตประชาชนที่ประสบภัยเหตุฉุกเฉินให้ได้รับความปลอดภัยโดยด่วน