อากาศหนาว ๆ แบบนี้ หลายคนนึกถึงอากาศเย็นสบายทางภาคเหนือ ทีมงานอนุวัตจัดให้ ขอนำเสนอหมู่บ้านเล็ก ๆ บนเทือกเขา อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ชื่อหมู่บ้านเค้าน่ารัก ห้วยกุ๊บกั๊บ
ดังมา 2-3 ปี ทางขึ้นเขาลาดชันลำบาก แค่ 4 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางถึง 25 นาที เส้นทางอันตราย แนะนำฝากรถไว้ด้านล่าง แล้วใช้บริการรถขับเคลื่อนสี่ล้อของชาวบ้าน เพื่อให้ชุมชนมีรายได้ และไม่เกิดอันตราย ที่สำคัญต้องจองโฮมสเตย์ก่อนล่วงหน้า ผมจองบ้านของพี่นารี มีซีไมเนอร์ เป็นไกด์นำทาง เมื่อพร้อมแล้วลุยเลย
ตับ ไต ไส้ พุง มารวมกันหมด เส้นทางแบบนี้กลับกลายเป็นมนต์เสน่ห์ให้นักท่องเที่ยวได้พูดถึง
มาถึงแล้ว โฮมสเตย์พี่นารี คืนนี้เราจะพักที่นี้ ห้วยกุ๊บกั๊บ เป็นหมู่บ้านชาวเขาเล็ก ๆ ประมาณ 30-40 ครัวเรือน อยู่อย่างเรียบง่าย ตอนนี้ชาวบ้านปรับพื้นที่เป็นโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยว ในหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้า ใช้แสงสว่างจากโซล่าเซลล์ มีร้านค้าเล็ก ๆ 2 ร้าน ชื่อ ห้วยกุ๊บกั๊บ มาจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน บางคนบอกหมู่บ้านอยู่ไกล ต้องใช้ม้าเดินทาง เวลาม้าเดินก็จะได้ยินเสียง กุ๊บกั๊บ ๆ บางคนบอกว่าเป็นเสียงหินตามลำห้วย เวลาน้ำไหลจะได้ยินเสียงดัง กุ๊บกั๊บ ๆ
เย็นนี้อากาศเย็น สบายดี อาหารมื้อค่ำ พี่นารี ทำไข่เจียว ผัดมันฝรั่ง ต้มมันฝรั่ง และน้ำพริกข่ากับผัก ส่วน พี่พบสุข เอาใส้อั่ว ไก่ทอด และเนื้อทอดจากน่านมาฝาก กินข้าว ผิงไฟ สัมผัสอากาศหนาว โรแมนติก ทีมงานบอกทริปนี้รถถึง ไม่เหนื่อย เป็นกลวิธีหลอกให้ตายใจ พรุ่งนี้รู้กัน
เราตื่นเช้ามาดูทะเลหมอกที่ห้วยกุ๊บกั๊บกัน
หากมาถูกจังหวะเวลา ทะเลหมอกหน้าบ้านจะมากกว่านี้ ทีมงานได้ถ่ายภาพกันอย่างสบายใจ คนทั่วไปก็มักจะมาพักผ่อน แต่สำหรับพวกผม หรือคนที่ต้องการออกกำลังขา แนะนำให้ไปผาสามเหลี่ยม จุดสูงที่สุด 1,627 เมตร จากทะเลปานกลาง มองเห็นดอยหลวงเชียงดาว ยอดเขาที่สูงอันดับ 3 ของประเทศไทย พูดแบบนี้แล้วจะรอช้าอยู่ใย ลุยเลย
ซีไมเนอร์ แนะนำว่า เพื่อประหยัดเวลาให้เช่ารถชาวบ้านนั่งไปครึ่งทาง 1.5 กิโลเมตร เส้นทางก็โหดอย่างที่เห็น
จากนั้นต้องเดินขึ้นเขาชันกว่า 60 องศา ไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ห่างหายจากการเดินป่าเพราะโควิดมาช้านาน เครื่องไม่ค่อยฟิต เดินติด ๆ ขัด ๆ
เสน่ห์อีกอย่างคือธรรมชาติ 2 ข้างทาง เป็นป่าสน 3 ใบ อากาศเปิด ๆ ปิด ๆ สลับกันไปมา ช่วงเช้าอากาศบนยอดเขาปกคลุมไปด้วยหมอก ไม่มั่นใจว่าขึ้นไปแล้วอากาศจะเปิดหรือไม่
กว่าจะถึงเล่นเอาแย่เหมือนกัน ใช้เวลาเดินเป็นชั่วโมง ในที่สุดก็ถึง ผาสามเหลียม จุดสูงสุด 1,627 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง
น่าเสียดาย อากาศข้างบนปิด ทำให้เรามองไม่เห็นดอยหลวงเชียวดาว แต่วิวด้านบนถือว่าสวยคุ้มค่ากับการมา
ขอบคุณ ซีไมเนอร์ ไกด์นำทาง และชาวบ้านห้วยกุ๊บกับ ย้ำว่าถ้าจะมาต้องจองก่อน