7HDร้อนออนไลน์

สรุป – ภาษีหุ้น

สรุป – ภาษีหุ้น
#เศรษฐศาสตร์ตลาดสด ขอสรุปให้ผู้อ่านเข้าใจว่าภาษีหุ้นที่กำลังจะจัดเก็บปีหน้าคืออะไร

ภาษีหุ้นที่จะจัดเก็บนี้เป็นภาษีที่มีอยู่เดิม เพียงแต่มีการยกเว้นมาตั้งแต่ปี 2534 ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 240) หรือก็คือ ยกเลิกในสมัยที่เชื่อกันว่าเป็นยุครุ่งเรืองของเศรษฐกิจไทย เพราะมีการส่งออกที่เติบโตดี มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจนมีคนคาดว่าไทยจะเป็นเสือตัวที่ 5 ของเศรษฐกิจเอเชีย และด้วยเศรษฐกิจที่มีเงินไหลเข้าประเทศจำนวนมาก ก็เกิดการเติบโตในสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์และการเก็งกำไรทั้งในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มีการใช้จ่ายด้วยเงินผ่อนจำนวนมาก นับได้ว่าเป็นเศรษฐกิจยุคเงินผ่อน

การเติบโตของตลาดหุ้นจนเกิดเป็นฟองสบู่ และกลายเป็นความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย ตามมาด้วยวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง 
================

ภาษีที่มีอยู่เดิมนี้จัดเก็บเมื่อมีการขายหุ้น เป็นภาษีธุรกรรมการเงินการลงทุนประเภทหนึ่ง เหมือนกับการจัดเก็บภาษีขายที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ในต่างประเทศมีการจัดเก็บภาษีบนธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ เช่น การขายอสังหาริมทรัพย์ การขายหลักทรัพย์ โดยจะจัดเก็บตามมูลค่ากำไรที่ได้จากการขาย

โดยกรมสรรพากรกำลังทำการศึกษารูปแบบเงื่อนไขการจัดเก็บภาษี ที่สามารถแบ่งองค์ประกอบออกได้ 2 ส่วน คือ

- ภาษีธุรกรรมทางการเงินการลงทุน (Financial Transaction Tax) ซึ่งมีอยู่ในประมวลรัษฎากรกฎหมายภาษีของกรมสรรพากรอยู่แล้ว แต่ได้รับการยกเว้นมาตั้งแต่ปี 2534 โดยในตรากฎหมายเดิมกำหนดไว้ว่าการขายหุ้นในตลาด 1 ล้านบาทขึ้นไปจะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.1% ของมูลค่าขาย

- ภาษีกำไรจากการขายหลักทรัพย์ (capital gain) ซึ่งหากจะเรียกเก็บจากส่วนนี้จะต้องตรากฎหมายขึ้นมาใหม่ หรือแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม

กรมสรรพากรชี้แจงว่าการเก็บภาษีนี้อาจตั้งอยู่บนเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
1.การขายหุ้นในตลาด 1 ล้านบาทต่อเดือน
2.การขายหุ้นในตลาด ตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทต่อเดือน
3.การขายหุ้นในตลาดตั้งแต่ 2 ล้านบาทต่อเดือนขึ้นไป
============

การเก็บภาษีการขายหุ้นนี้ มีทั้งข้อดีข้อเสีย

ข้อดี ได้แก่ ลดการเก็งกำไรที่หากมีมากเกินไปอาจนำไปสู่ฟองสบู่ภายในตลาด และนับเป็นแหล่งรายได้ทางภาษีที่สำคัญแหล่งหนึ่ง เนื่องจากการจะทำกำไรในการลงทุนหุ้น จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการขายเกิดขึ้น

ข้อเสีย ได้แก่ ภาษีนี้จะส่งผลให้ตลาดหุ้นมีปริมาณและมูลค่าการซื้อขายที่ลดลง และโดยทั่วไปตลาดหุ้นเติบโตเมื่อมีปริมาณการซื้อขายหุ้นจำนวนมาก  เพราะนั่นหมายถึงรายได้ของตลาด นักลงทุนจะชะลอการขายหุ้นจนกว่ากำไรจะสูงเพียงพอและคุ้มต่อการขายหนึ่งครั้งเนื่องจากกำไรส่วนหนึ่งของการขายหุ้นจะต้องนำไปชำระภาษี

อย่างไรก็ตาม ด้วยเงื่อนไขมูลค่าการขายขั้นต่ำที่จะถูกเก็บภาษีอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อเดือน อาจทำให้นักลงทุนรายย่อยไม่ได้รับผลกระทบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง