คำบอกเล่าของหญิงผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกวัตถุของแข็งหล่นกระทบหน้ากากหมวกกันน็อก พุ่งทะลุถูกเบ้าตาและคิ้วขวา ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านไปตามถนนสายพัทลุง-ตรัง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ช่วง 03.30 น. วันที่ 4 มกราคม หลังเลิกงานจากร้านข้าวต้มกลางเมืองพัทลุง
หลังประสบเหตุ ผู้เสียหายรวบรวมสติประคองรถไม่ให้ล้ม เพราะคิดว่ามีคนจ้องทำร้ายร่างกายหรือชิงทรัพย์ แต่เมื่อหันกลับไปมองก็ไม่พบคน หรือรถจอดอยู่ จึงรีบบิดคันเร่งกลับบ้านทันที ซึ่งขณะนี้ยังปวดเบ้าตาขวาและคิ้วขวา จนไม่สามารถจ้องมองได้นาน
เหตุที่เกิดขึ้น ผู้เสียหายอยากให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไปทำมาหากินสุจริต ดีกว่าลักวิ่งชิงปล้นคนทำงานหาเช้ากินค่ำ และหลังจากนี้ก็จะเพิ่มความระมัดระวัง เพราะต้องใช้เส้นทางนี้ไปทำงานทุกวัน
ชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุ เมื่อรู้ข่าวก็หวาดผวา เพราะแต่ละเช้าต้องออกจากบ้านตั้งแต่ 03.00 น. ไปตลาดในเมืองพัทลุง เพื่อซื้อวัตถุดิบมาทำข้าวแกงขาย แต่หลังจากนี้ต้องปรับเวลาออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้ก่อเหตุไม่รู้เป็นใคร แต่ที่ผ่านมามีกลุ่มวัยรุ่นรวมกลุ่มซิ่งรถจักรยานยนต์เป็นประจำ
ขณะที่ชาวบ้านบางคนให้ข้อมูลว่า หลายปีก่อนเคยเกิดเหตุแบบนี้ ก่อนที่ห่างหายไปนาน กระทั่งครั้งล่าสุด หลังจากนี้ก็ต้องระวังมากขึ้นเช่นกัน
ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง และ สภ.เมืองพัทลุง ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมสอบปากคำผู้บาดเจ็บ และตรวจสอบกล้องวงจรปิดหาเบาะแสผู้ก่อเหตุ พร้อมสั่งให้ตำรวจสายตรวจเพิ่มความถี่ตรวจตามเส้นทางมากขึ้น
ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในจังหวัดพัทลุง ส่วนใหญ่ต้นตอมาจากยาเสพติด ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง เดินหน้าปราบปรามเข้มงวด จนสถานการณ์เริ่มดีขึ้น