คลิปนี้มีหญิงคนหนึ่งมีอาชีพเป็นแม่ค้าโพสต์ไว้ พร้อมข้อความบอกว่า "ไม่ขอเงินฉัน ฉันทำเฉยไม่ให้เงิน ฟาดจามาเลยจ้า ดีที่ไม่โดน เคยให้บ่อย เจอบ่อย จนไม่อยากให้แล้ว พอไม่ให้ก็ด่าหยาบแล้วบอกไม่กลัวตำรวจด้วย เคยตบผู้หญิงจนหูฉีกมาแล้ว ตำรวจมารวบไปแต่ก็ยังกลับมาเดินที่เดิมอยู่"
ทีมข่าวเช้านี้ที่หมอชิต จึงไปสอบถามเจ้าของคลิป ชื่อนางสาววันอาทิตย์ ประเสริฐจิตร์ หรือ น้ำฝน อายุ 32 ปี อาชีพแม่ค้า ชาวอำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี เธอเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าร้านขายกะหรี่ปั๊บ "คุณจุ๋ม" ที่อยู่ริมถนนพหลโยธิน อำเภอเมืองสระบุรี ซึ่งเธอได้เดินทางมารับกะหรี่ปั๊บ ตามที่ลูกค้าสั่งซื้อไว้ แต่พอมาถึงร้าน พบว่ามีลูกค้าค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอก็เลยไปนั่งรออยู่หน้าร้าน ซึ่งขณะนั้นมีชายเร่ร่อนสวมเสื้อแขนสั้น สีดำ สวมกางเกงขาสั้น มีกลิ่นตัวแรง มานั่งข้าง ๆ แล้วทำท่ามาขอเงิน เธอก็ทำเฉยไม่ให้ ชายดังกล่าวมีอาการโมโห จึงได้ด่าด้วยคำหยาบ ด่าทั้งพ่อแม่ บุพพการี แล้วขณะกำลังลุกขึ้น ก็ใช้ยกเท้าขวาทำท่าจะถีบ แต่ตอนนั้นหลบได้ทัน ก่อนที่จะเดินหนีไป หลังเกิดเหตุเธอได้ไปขอคลิปกล้องวงจรปิดเจ้าของร้าน และไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสระบุรี ไว้แล้ว
ขณะที่ เจ้าของร้านสเต๊กที่อยู่ใกล้ ๆ กันบอกว่า ชายเร่ร่อนคนนี้ มักจะเดินมายกมือไหว้ขอข้าวกินทุกวัน ซึ่งตนเองก็ทำให้กิน จนวันหนึ่งเห็นชายเร่ร่อนคนนี้มานั่งดมกาวอยู่ใกล้ ๆ ร้าน จึงตะโกนบอกไปว่า ถ้าเห็นดมกาวแบบนี้อีก จะไม่ให้ข้าวกินแล้ว
ด้านเจ้าของร้านกะหรี่ปั๊บในจุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้าเหตุการณ์นี้ ชายเร่ร่อนคนเดียวกัน เคยมาขอเงินหญิงคนหนึ่ง ซึ่งมาซื้อของร้านข้าง ๆ กัน และถึงขั้นลงมือตบหญิงคนดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บหูฉีก จากนั้นตำรวจก็มาจับตัวไป แต่ไม่นานก็เห็นออกมาเดินขอเงินที่บริเวณนี้อีก กระทั่งมาก่อเหตุครั้งล่าสุด
วินรถจักรยานยนต์รับจ้างในบริเวณใกล้เคียง ให้ข้อมูลว่า จากรูปพรรณสัณฐาน คาดว่าชายเร่ร่อนที่ก่อเหตุน่าจะเป็นนายเอ็ม หรือ ฉายา เอ็ม 7 นิ้ว เพราะว่า นิ้วมือขวาขาดไป 3 นิ้ว และมักจะไปอาศัยนอนอยู่ใต้สะพาน ถนนพหลโยธินขาเข้า-กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวของเราจึงลองไปดูก็พบชายเร่ร่อนคนนี้ นอนอยู่ใต้สะพานจริง ๆ ทางผู้สื่อข่าวพยายามตะโกนปลุก แต่ก็ไม่เป็นผล นอนหลับสนิทแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจจะได้นำตัวชายคนนี้ไปสอบสวน หากพบกระทำผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป