ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบชายผมยาว มีลักษณะเป็นสาวประเภทสอง ถือมีดอีโต้คลุ้มคลั่ง ร้องตะโกนเอะอะโวยวายเสียงดังตลอดเวลา บอกว่าจะเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่ประมาณ 40 นาที ก่อนอาศัยจังหวะเข้าชาร์จจับกุมตัวไว้ได้ และนำไปสอบสวนที่ สภ.เขาวง แต่ผู้ก่อเหตุยังคลุ้มคลั่ง พูดจาไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่จึงให้ยานอนหลับกิน เพื่อรอการสอบสวนหลังจากตื่นได้สติ
สอบถาม น.ส.นันทนา เพชรปานกัน อายุ 23 ปี พนักงานร้านสะดวกซื้อ ผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า ขระเกิดเหตุตนเองได้ออกมานอกร้านเพื่อที่จะนำลังเปล่าที่ใส่สินค้าออกมาเก็บ ก็พบบุคคลดังกล่าวมาเดินวนเวียนอยู่แถวหน้าธนาคาร จึงได้เข้าไปแจ้งผู้ช่วยผู้จัดการที่เป็นหัวหน้ากะออกมาดู และได้บุคคลดังกล่าวซึ่งเป็นสาวประเภทสองไปว่า “มีอะไรให้ช่วยไหม” ก่อนจะตอบมาว่า “จะเข้าบ้าน ช่วยเปิดประตูให้หน่อย” ซึ่งตอนนั้นสังเกตเห็นแต่ในมือผู้ก่อเหตุถือมีดอีโต้ จึงพากันวิ่งกลับเข้าร้าน และล็อกประประตูร้านไว้
จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ใช้มีดอีโต้อยู่ในมือฟันไปที่ประตูของธนาคาร จนทำให้ประตูแตกทั้งบาน และฟันไปที่ประตูกรงเหล็กที่เป็นประตูอีกชั้น แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ หลังจากนั้นก็เดินวนไปวนมาอยู่พักหนึ่ง พร้อมอาการโวยวาย ก่อนจะมีการทบตู้เอทีเอ็มและตู้ฝากเงินสด กระทั่งในเวลาต่อมามีเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาระงับเหตุการณ์
ด้าน นายสมควร นัทยาย อายุ 55 ปี ผู้จัดการธนาคารสาขา อ.สมเด็จ รักษาการแทนผู้จัดการ สาขา อ.เขาวง ได้เข้ามตรวจสอบ พบความเสียหายเบื้องคือกระจกประตูทางเข้าด้านหน้าธนาคารเสียหาย 1 บาน มีตู้เอทีเอ็มเสียหาย 1 ตู้ และตู้รับฝากเงินสดเสียหายอีก 1 ตู้ ซึ่งคาดว่ามูลค่าความเสียหายประ 2-3 แสนบาท โดยระบุว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ขณะที่ พ.ต.อ.กันตพัฒน์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาย แต่มีลักษณะเป็นสาวประเภทสอง อยู่ในพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เบื้องต้นมีลักษณะคล้ายกับคนสติไม่ดี หรือมีอาการทางประสาท โดยก่อนเกตุเหตุทราบว่าเดินเท้ามาจาก อ.กุฉินารายณ์ประมาณ 20 กิโลเมตร ก่อนมาก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งหลังจากควบคุมตัวมาสอบสวนก็ยังอาการพูดจาไม่รู้เรื่อง อ้างว่าจะเข้าบ้าน แต่เข้าไม่ได้ จึงเกิดความโมโห แล้วใช้มีดอีโต้ฟัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังประสานไปทางญาติ และรอผู้ก่อเหตุได้สติ เพื่อรอการสอบสวนอย่างละเอียด ว่าเป็นบุคคลที่มีอาการทางประสาทจริงหรือไม่ พร้อมกับนำส่งตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เพราะผู้ก่อเหตุยังให้การวกวน พูดจาไม่รู้เรื่อง หากพบว่าไม่มีอาการทางประสาทจริง หรือมีสารเสพติด ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่การกระทำที่เกิดขึ้นเข้าข่ายข้อหาทำลายทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และบุกรุก