ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เห็นชอบ 3 หลักเกณฑ์แนวทางการพิจารณาโรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น หลังการระบาดมา 2 ปี มีทิศทางดีขึ้น อยู่ภายใต้การควบคุม และความรุนแรงของโรค ลดลง แต่การจะประกาศเป็นโรคประจำถิ่นต้อง เข้า 3 หลักเกณฑ์ ได้แก่ อัตราป่วยเสียชีวิตไม่เกิน 1 ต่อ 1,000 คน ถ้าเกินก็แสดงว่ายังรุนแรงอยู่ ในขณะที่ ประชาชนต้องมีภูมิต้านทานเพียงพอ ด้วยการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ ครบ 2 เข็ม 80% ของประชากร และที่สำคัญ ระบบการรักษาพยาบาล ที่มีประสิทธิภาพ รับมือการระบาดได้
และถ้าเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว จะถอดหน้ากากอนามัยได้หรือไม่ จะมีการพิจารณาให้เหมาะสมต่อไป ระหว่างนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังคงแจ้งเตือนภัยโควิด-19 ในระดับ 4 ยังต้องยกการ์ดสูง สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ ไม่ไปสถานที่แออัด และฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 รวมไปถึงเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ส่วนกรณี ชายอายุ 38 ปีที่เป็นพนักงานขับรถส่งของที่อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เสียชีวิต ภายหลังกลับจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ที่สถานีกลางบางซื่อ มาได้ 2 ชั่วโมง ได้ไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร และเสียชีวิตบริเวณเคาน์เตอร์ธนาคาร แพทย์นิติเวชแจ้งสาเหตุเสียชีวิตจากโรคหัวใจ
ทำให้ญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตข้องใจ และไปยื่นเรื่องกับสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ขอให้พิสูจน์ว่าการเสียชีวิตเกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีนโควิด-19 หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ ผู้เสียชีวิตไม่ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจ อีกทั้งได้เตรียมตัวไปพร้อมและพักผ่อนเพียงพอก่อนไปรับวัคซีนโควิด-19 ด้วย
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 8,078 คน รวมสะสมตั้งแต่มีการระบาดกว่า 2.4 ล้านคน เสียชีวิตอีก 22 คน