เรือประมง ช.ศรีพลนภา 5 ขนาด 122 ตันกรอส ถูกจับขณะทำการประมงบริเวณทะเลอันดามัน พื้นที่รอยต่อจังหวัดพังงาและระนอง ก่อนจะถูกลากเข้าเทียบท่าที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา หลังตำรวจพบพฤติกรรมวนเวียนเติมน้ำมันจากเรือสถานีบริการ (Tanker) หลายลำ ในช่วงเวลาต่าง ๆ กัน โดยใช้รหัสเติมน้ำมันของ "เรือประมงที่แจ้งทำลายเรือ"
จากนั้นตำรวจได้ขยายผลเข้าตรวจค้นเอกสารหลักฐาน ที่เรือสถานีบริการน้ำมันเขียว, บริษัทเจ้าของเรือสถานีบริการน้ำมันเขียว รวมถึงสมาคมประมง เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติศุลกากร ฐานขนถ่ายน้ำมันในเขตต่อเนื่อง โดยไม่มีคุณสมบัติ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือปรับเป็นเงิน 2 เท่าของราคาน้ำมันที่อยู่ในเรือ หรือทั้งจำทั้งปรับ
เรือประมงที่ถูกจับกุมวันนี้ บรรทุกน้ำมันประมาณ 30,000 ลิตร และได้เติมน้ำมันเขียว โดยใช้รหัสเติมน้ำมันจากเรือประมงลำอื่น ที่แจ้งกับกรมเจ้าท่าว่าถูกทำลายไปแล้ว จำนวน 6 ครั้ง ต้องถูกปรับ 4,320,000 บาท และเข้าข่ายกระทำความผิดพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต มาตรา 203 ฐานนำน้ำมันที่ยังไม่เสียภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักร มีโทษปรับ 2-10 เท่า โดยต้องเสียค่าปรับ 12,600,000 บาท รวมค่าปรับ 16,920,000 บาท ทั้งนี้ไม่รวมการดำเนินคดีจากกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชกำหนดการประมง และพระราชบัญญัติเรือไทยเป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกเป็นการสร้างความเป็นธรรมในระบบภาษี หลังมีบางพวก บางกลุ่ม แสวงหาผลประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่ภาครัฐดูแลสนับสนุน สร้างความเสียหายจากมูลค่าภาษีที่รัฐควรจะได้ถึงปีละ 700 ล้านบาท
จากนี้จะดำเนินคดี กับเรือประมงที่กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันจำนวนมาก ในทุกจังหวัดชายทะเล ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป รวมถึงเรือสถานีบริการ (Tanker) สมาคมการประมง ที่ให้การรับรองคุณสมบัติและออกรหัสเติมน้ำมันเขียวด้วย