ความคืบหน้าล่าสุด หลังจากชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบว่า จุดที่คนร้ายก่อเหตุนั้น คนร้ายได้วางแผนเตรียมการก่อเหตุมาอย่างดี โดยฝังระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบในถังแก๊สหุงต้มขนาด 15-20 กิโลกรัม ไว้ใต้ผิวถนน ก่อนที่จะลากสายไฟเข้าไปในสวนผลไม้ข้างทางระยะทางยาวกว่า 50 เมตร และทำการจุดชนวนด้วยระบบวิทยุสื่อสาร ซึ่งจากข้อมูลและเบาะแสเบื้องต้น นั้นพบว่า ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บันนังสตา จะต้องนำหมายเรียกจากศาลในคดีจราจร ไปส่งให้กับผู้ถูกเรียกในพื้นที่ ตำบลบาเจาะ ซึ่งในอดีตเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบ และมักเกิดเหตุอยู่บ่อยครั้ง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ใช้รถยนต์ตราโล่ ที่มีลักษณะทางราชการชัดเจน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย เข้าพื้นที่ตามคำสั่งการปฏิบัติงาน แทนที่จะเป็นรถยนต์หุ้มเกราะ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้าย แต่ทราบว่า มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการจัดสรรน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับรถยนต์ทางราชการ ที่ใช้ปฏิบัติงาน จึงทำให้รถยนต์หุ้มเกราะไม่พร้อมสำหรับการปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่จึงนำรถยนต์ตราโล่ ไปปฏิบัติหน้าที่แทน จึงทำให้ตกเป็นเป้าหมายชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้เร่งสืบสวนหาข้อมูล ถึงสาเหตุการรั่วไหลของข้อมูลข่าวสารภายในระบบราชการ ซึ่งเชื่อว่า มีผู้ไม่หวังดีส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ให้กับกลุ่มคนร้ายลงมือปฏิบัติการ เนื่องจากพบว่า การก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายนั้น มีการใช้เวลาในการเตรียมการลงมือก่อเหตุเป็นอย่างดี ทั้งการขุดดินใต้ผิวถนน และนำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบในถังแก๊สหุงต้มขนาด 15-20 กิโลกรัมไปฝังไว้ ซี่งต้องใช้เวลาในการขุดหลุมฝัง
ส่วนประเด็นการนำส่งหมายเรียกจากศาลนั้น มีข้อมูลว่า เหตุใดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บันนังสตา ไม่นำส่งหมายศาลโดยการฝากบุคคลอื่นในพื้นที่ เช่น ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุ ก็พบว่า เป็นคำสั่งจากศาลที่จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำหมายศาลส่งถึงมือตามรายชื่อในหมายศาล โดยไม่สามารถฝากผู้อื่นไปส่งแทนได้