นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนมีหลักฐานสำคัญคือในวันประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีวาระพิจารณาปรับย้ายนายตำรวจนั้น มีการโยกย้ายพล.ต.ต.ปวีณ ไปสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมด้วยตัวเอง ซึ่งตนมีบันทึกการประชุม ดังนั้น พล.อ.ประวิตร ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังทำอะไร ทำไมจึงย้าย พล.ต.ต.ปวีณ ไปในที่ที่อันตรายถึงชีวิต แม้จะมีการอ้างว่าเจ้าตัวไม่พอใจเพราะไม่ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น ถามว่าต้องถึงขั้นลี้ภัยเลยหรือไม่ และที่ผ่านมากองทัพเรือไม่มีความรับผิดชอบอะไรใดๆ เลยทั้งสิ้นในประเด็นการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง รัฐบาลชุดนี้สนใจแต่เรื่องตัวเอง
"ทำไม พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถามว่าเหตุใดจึงย้าย พล.ต.ต.ปวีณ ไปสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกองทัพเรือก็เงียบมาก เสียงดังเฉพาะตอนซื้อเรือดำน้ำเท่านั้น ซึ่ง พล.ต.ต.ปวีณ พูดชัดเจนที่สุดว่าใครเกี่ยวข้องอะไรและอย่างไรบ้าง ผมรู้สึกคาดหวังมากว่ารัฐบาลจะตอบคำถามนี้ให้ดี หากตอบไม่ดี เราก็ไม่รู้ว่าจะมีการจัดอันดับสิทธิมนุษยชนและลำดับการค้ามนุษย์จะเป็นอย่างไรต่อไป" นายโรม กล่าว
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร ให้ พล.ต.ต.ปวีณ ติดต่อกลับมาโดยตรง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประเด็นไม่ใช่เรื่องการติดต่อ แต่วันนี้มีคนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้างจนทำให้ พล.ต.ต.ปวีณ ต้องลี้ภัย ทั้งที่เป็นคนเก่ง ฉลาด และมีความสามารถ การตัดสินใจลี้ภัยแสดงว่ามีเหตุอยู่ ถามว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ไม่จัดการกับกระบวนการค้ามนุษย์ ทำให้ตนไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประวิตร เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้การกลับมาของ พล.ต.ต.ปวีณ เป็นไปได้ยากที่สุด อย่างไรก็ตาม
“ตนขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งกรรมการสอบ พล.อ.ประวิตร ถามว่ากล้าหรือไม่ที่จะสอบพี่ชายตัวเอง เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันเป็นระบบ จึงควรพักงานพล.อ.ประวิตร ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่กล้า ก็จะแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ ขอให้ทำเพื่อประเทศชาติ ตนเป็นห่วงว่าอนาคตต่างชาติจะมีการแซงก์ชันเรา รัฐบาลควรทำให้มั่นใจว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อให้ลำดับการค้ามนุษย์ดีขึ้น” นายโรม กล่าว