ขณะที่สงครามรัสเซีย ยูเครนที่เกิดขึ้น ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงมาก และคาดว่าในระยะใกล้นี้ สงครามจะเพิ่มแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้นอีก ดังนั้น คณะกรรมการ FOMC ของเฟด จึงมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 0.75-1.00% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี พร้อมส่งสัญญาณการปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกในวันข้างหน้า เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด เปิดเผยว่า คณะกรรมการยังมีความเห็นว่า เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า แต่ไม่ได้พูดถึงการจะปรับดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75% พร้อมทั้งต้องจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า เพื่อปรับแนวทางนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เฟดไม่สามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ของคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการจะประเมินข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลด้านสาธารณสุข ภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์ในต่างประเทศ