ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีวิดีโอที่แสดงให้เห็นชาวเซี่ยงไฮ้กำลังโต้เถียงกับคนงานที่สวมชุดป้องกันอันตราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่ถูกนำตัวไปกักตัวโดยรัฐบาล แต่ทางการดูเหมือนจะยังไม่ผ่อนคลายข้อจำกัดในบางพื้นที่ของเมือง แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นถูกกดดันให้ควบคุมการแพร่เชื้อไวรัสในชุมชน
โดยภายใต้นโยบาย “ฮาร์ดคอร์” แม้แต่ประชาชนที่มีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นลบ ก็ยังถูกกักตัวโดยรัฐบาล ในหลายพื้นที่ของเมือง พื้นที่อยู่อาศัยทั้งหมดถูกจัดให้เป็นพื้นที่เสี่ยง ประชาชนทั้งหมดถูกบังคับให้ออกจากบ้านและถูกนำไปกักบริเวณแม้ทั้งพื้นที่มีผู้ป่วยเพียงรายเดียว
ทั้งนี้ ได้มีวิดีโอคลิปหนึ่งที่โด่งดังแสดงให้เห็นว่า ชาวบ้านกำลังโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประตูบ้านเพื่อพาพวกเขาไปกักตัว หลังจากที่คนอื่นในชั้นเดียวกันติดเชื้อโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในวิดีโอกล่าวว่า “ต่อไปนี้ คนที่อยู่ชั้นเดียวกันกับผู้ป่วยโควิด-19 จะต้องถูกพาไปกักตัว ไม่ใช่ว่าคุณจะทำอะไรก็ได้ เว้นแต่คุณจะอยู่ในสหรัฐฯ นี่คือจีน หยุดถามผมเสียทีว่าทำไม ไม่มีเหตุผล เราต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของประเทศและนโยบายการควบคุมการแพร่ระบาด”
ในบางพื้นที่ของเซี่ยงไฮ้ ตกอยู่ภายใต้ “ช่วงเวลาแห่งความเงียบ” ซึ่งกินเวลา 2-3 วัน ในระหว่างนั้นประชาชนจะห้ามออกจากบ้าน รวมถึงถูกห้ามไม่ให้สั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ หรือแม้แต่สินค้าจำเป็น ทำให้ประชาชนเกิดความกลัวว่าจะขาดแคลนอาหาร
โดยการเพิ่มระดับมาตรการที่รุนแรงนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. ที่นายสี จิ้นผิง ได้บอกว่า “เขาจะไม่ยอมให้มีการบิดเบือน สงสัย หรือปฏิเสธนโยบายการป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศของเรา”
ขณะที่ จ้าวตันตัน รองผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการกล่าวว่า “จะบังคับใช้มาตรการอย่างจริงจังโดย รับทุกคนที่ควรจะนำเข้ามา และ กักตัวทุกคนที่ควรจะถูกกักตัว เพื่อหยุดการแพร่กระจายของโรคระบาดโดยเร็วที่สุด”
โดยมาตรการที่เข้มงวดและไม่มีวี่แววว่าจะผ่อนคลายในเร็ววัน ทำให้ประชาชนจำนวนมากในเซี่ยงไฮ้เกิดความสิ้นหวังอีกครั้ง บางคนถูกกักตัวมานานกว่า 6 สัปดาห์
ทั้งนี้ ได้มีศาสตราจารย์ด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายในเซี่ยงไฮ้ ได้เขียนข้อความประณามมาตรการดังกล่าวที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และยังมีนักกฎหมายในเซี่ยงไฮ้ ได้เขียนจดหมายเรียกร้องให้สภาประชาชนเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ออกมาตรการปกป้องสิทธิพลเมือง
อย่างไรก็ตาม จดหมายของทั้งสองถูกลบออกจากอินเทอร์เน็ตของจีนในเวลาไม่นาน บัญชีผู้ใช้ของพวกเขาถูกแบนไม่ให้โพสต์ข้อความ แม้แต่แฮชแท็กชื่อของพวกเขาก็ถูกเซ็นเซอร์ และยังมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบางคน นำข้อความที่นายสี จิ้นผิง เคยพูดในปี 2012 มาโพสต์ “ไม่มีองค์กรหรือบุคคลใดมีสิทธิ์อยู่เหนือรัฐธรรมนูญและกฎหมาย การกระทำใด ๆ ที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ต้องถูกสอบสวนและพิจารณา”
สำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายใด ที่โพสต์ข้อความดังกล่าว จะถูกลบข้อความอย่างรวดเร็ว