คนหูหนวกในกรุงเทพมหานครต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตหลายด้าน ปัญหาแรกคือความไม่เท่าเทียมกันทางด้านการศึกษา มีสถาบันอุดมศึกษาที่สามารถรองรับคนหูหนวกน้อยมากและไม่หลากหลาย เน้นวิชาการมากกว่าวิชาชีพ ทำให้คนหูหนวกประสบปัญหาในการทำงานตามมา
อยากฝากผู้ว่าฯกทม.คนใหม่แก้ไขเรื่องนี้ เน้นการศึกษาต่อในสายอาชีพ เช่น คหกรรมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ งานช่าง เมื่อจบไปแล้วสามารถต่อยอดประกอบอาชีพได้ทันที มีรายได้ดูแลตนเอง เลี้ยงดูครอบครัวได้
นอกจากการศึกษาของคนหูหนวกจะไม่ครอบคลุมสายวิชาชีพ จึงส่งผลต่อการหางานทำ เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายด้าน ทั้งลักษณะงานและสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อคนหูหนวก เช่น นายจ้างและเพื่อนร่วมงานไม่เข้าใจในธรรมชาติและวิถีของคนหูหนวก สื่อสารกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เมื่อเกิดความอึดอัด สุดท้ายต้องตัดใจลาออก ทิ้งโอกาสในการทำงานไปในที่สุด
ในโลกเงียบของคนหูหนวกมีอีกหลายปัญหาที่เป็นกำแพงกั้นในการสื่อสาร ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่ง ที่สร้างความยากลำบากในการใช้ชีวิต ไม่เพียงจะเป็นอุปสรรคในการสื่อสารกับผู้คนรอบข้าง แต่การติดต่อตามหน่วยงานภาครัฐใน กทม.ก็เกิดปัญหาไม่ต่างกัน ซึ่งเกิดความเหลื่อมล้ำกับคนหูหนวกในการเข้าถึงบริการของรัฐ
รัฐควรจัดให้มีบริการล่ามภาษามือครอบคลุมการให้บริการในสำนักงานเขต โรงพยาบาล สถานีตำรวจ หรือ สถานที่ราชการที่มีความจำเป็น ให้คนหูหนวกเข้าถึงบริการทุกบริการของภาครัฐได้อย่างเท่าเทียม
โอกาสทางการศึกษา โอกาสในการประกอบอาชีพ ความเท่าเทียมในการบริการพื้นฐานของคนหูหนวก ยังรอผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่มาแก้ไข อย่าปล่อยให้เกือบ 20,000 สิทธิที่ไร้เสียง เป็นเพียงความเงียบที่ไร้การดูแล