โดยนายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสนี้ขอบคุณสหรัฐฯ เรื่องการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้กับไทย ความร่วมมือในบทบาทที่สร้างสรรค์ ทั้งการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยุคหลังโควิด-19 จุดยืนของไทยและอาเซียนต่อสันติภาพโลก ซึ่งไทยเสนอให้ดูแลในด้านหลักมนุษยธรรม และบรรเทาผลกระทบจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีประเด็นตามที่หลายฝ่ายวิตกกังวลก่อนหน้านี้ ทั้งยังได้มีโอกาสหารือกับผู้นำอาเซียนที่จะร่วมกันฝ่าฟันวิกฤตไปให้ได้ จะไม่ทำให้วิกฤตที่มีอยู่ วิกฤตมากไปกว่าเดิม
สำหรับด้านเศรษฐกิจ ได้เชิญชวนให้นักลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มการลงทุน ในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งไทยมีโอกาสจากธุรกิจที่เกิดใหม่และการย้ายฐานการผลิต นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทย เพราะในปี 2566 สหรัฐฯ ได้ประกาศจะนำนักธุรกิจคณะใหญ่ที่สุด ที่เรียกว่า “เทรดวินด์” (Trade Winds) มาเยือนประเทศสมาชิกอาเซียน โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานอีกด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำอีกครั้งว่า การไปประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยได้ประโยชน์และถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในการกระชับความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่แน่นแฟ้น ทั้งด้านความมั่นคง พลังงาน สาธารณสุข และ การค้าการลงทุน ที่จะเปิดกว้างมากขึ้นในยุคหลังโควิด-19
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทันทีที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยก็มีภารกิจรออยู่ ต้องทำอย่างต่อเนื่องทันที แม้จะมึนงงและสับสนเรื่องเวลาการเดินทาง แต่ก็ไม่เป็นปัญหายังสามารถทำงานต่อได้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลไม่หยุดนิ่ง เดินหน้าทำงานเต็มที่ไม่มีหยุดพัก เพราะต้องการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัยและสงบสุข อีกทั้งในช่วงเวลาอันใกล้นี้ จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนร่วมกันทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
และเนื่องในวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคนทำบุญทำความดี ให้พระคุ้มครอง ดูแลประเทศและประชาชนทุกคน