ไวรัสพบในสัตว์อาจจะข้ามมาสู่คนได้ เช่นฝีดาษวัว ฝีดาษลิง ฝีดาษคน (smallpox) ถ้าเกิดในมนุษย์จะรุนแรงที่สุด และติดต่อคนสู่คนได้ง่ายมาก แต่การข้ามสายพันธุ์ของไวรัสฝีดาษวานร มาสู่คน การแพร่กระจายจะเกิดได้ยากกว่า ต้องสัมผัสอย่างใกล้ชิด และความรุนแรงของโรคจะน้อยกว่าฝีดาษคนมาก
ฝีดาษวัว ก็ข้ามมายังคนได้ ตัวอย่างเช่นหญิงรีดนม ที่ติดฝีดาษวัว ในสมัยคุณหมอเอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ กว่า 200 ปีที่แล้ว ที่คุณหมอเจนเนอร์ พบว่า หญิงรีดนมที่ติดฝีดาษวัว แล้วเมื่อเกิดการระบาดของโรคฝีดาษคน หญิงรีดนมคนนี้ไม่ติดโรคฝีดาษ จึงเป็นที่มาของการเอาเชื้อฝีดาษวัว มาปลูกให้กับคนแล้วสามารถป้องกันฝีดาษของคนได้ โดยที่คนติดฝีดาษวัว เป็นเพียงแค่ตุ่มหนองเล็กๆตุ่มหนึ่งเท่านั้น และก็หายไปโดยที่แผลเป็นไว้
โรคสุกใส (Chicken pox) เป็นไวรัสคนละตัว ไม่เกี่ยวข้องกันเลย
ไวรัสในกลุ่มฝีดาษวานร ฝีดาษวัว ฝีดาษคน มีความคล้ายคลึงกันมาก ดังนั้น การปลูกฝีป้องกันฝีดาษวัว ป้องกันฝีดาษคนได้ และยังพบว่า น่าจะป้องกันฝีดาษวานรได้ด้วย
ประเทศไทย แต่เติมปลูกฝีให้กับทุกคน โดยเฉพาะตั้งแต่แรกเกิด และโรคนี้สามารถควบคุมได้ และหมดไป จึงเลิกการปลูกฝีในประเทศไทย ประมาณปี พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา และองค์การอนามัยโลกประกาศว่าฝีดาษหมดไปในพ.ศ. 2523 และทั่วโลกก็เลิกปลูกฝีตั้งแต่นั้นมา
ประชากรไทยที่เกิดก่อน พ.ศ.2517 เกือบทุกคนมีการปลูกฝี หรือสังเกตได้จากการมีแผลเป็นของการปลูกฝี เป็นแผลเป็นที่แบนราบ แต่เรายังมีการให้วัคซีน BCG ป้องกันวัณโรค ซึ่งแผลเป็นของวัคซีนป้องกันวัณโรคจะมีลักษณะนูนกว่า