ที่มาของการเข้าแจ้งความในครั้งนี้ สืบเนื่องจากหนังสือสั่งการของจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งลงนามโดยนายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา โดยหนังสือฉบับดังกล่าว ส่งถึง ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดสุรินทร์ และนายอำเภอทุกอำเภอ ให้เฝ้าระวังผู้ที่แอบอ้างเป็นพระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม สมาชิกพระราชวงศ์กัมพูชา ที่จะเสด็จเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม 2565
ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลไปยังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้รับการยืนยันว่า ไม่มีสมาชิกราชวงศ์กัมพูชา ที่ทรงใช้พระนามว่าพระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม จึงขอให้หน่วยงาน ฯ เฝ้าระวัง ไม่ให้มีการแอบอ้าง เพื่อให้อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษ และให้ปฏิบัติตามแนวทางการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กำหนดโดยเคร่งครัด
โดยวันนี้ สมาชิกราชวงศ์แห่งอาณาจักรกัมพูชา โดยองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม เจ้าหญิงบุปผานี นโรดม (พระมารดา) และเจ้าหญิงศุภะนารี นโรดม ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานหมิ่นประมาท หลังเกิดกระแสข่าวในประเทศไทย ว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงกำมะลอ โดยได้นำเอกสารยืนยันตัวตน ชาติกำเนิด จากสถาบันกษัตริย์กัมพูชา มามอบเป็นหลักฐาน
องค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม ยืนยัน พระมารดาของตน เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี (เจ้านโรดมสีหมุนี) การที่ทางจังหวัดสุรินทร์ ออกหนังสือดังกล่าวออกมา และทำให้ถูกมองว่าเป็นเจ้าหญิงกำมะลอ จนไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงอยากให้มีการสอบสวนเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ ที่ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน
ทั้งนี้ที่ผ่านมา มีหญิงสาวคนหนึ่ง ที่แอบอ้างเป็นสมาชิกราชวงศ์กัมพูชา (ใช้ชื่อว่า พระองค์เจ้าศรีสุวัตถิ์ กุสุมะนารีรัตน์) เข้ามาเดินสายออกงานหลายแห่งในจังหวัดสุรินทร์ จนทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด โดยองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม ระบุว่า ตนเองก็รู้จักหญิงสาวที่แอบอ้างคนนี้ อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินคดีฐานทำให้เกิดความเสื่อมเสีย