ล่าสุด ด.ต.ทรงภพ อายุ 56 ปี ผบ.หมู่ กองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรอุบลราชธานี กล่าวทั้งน้ำตา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ ปคม.สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา พบหลักฐานเชื่อมโยงและเป็นสาเหตุทำลูกสาววัย 15 เสียชีวิต
โดย ด.ต.ทรงภพ เผยว่า ในฐานะตำรวจ พ่อรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถดูแลคดีดังกล่าวได้ หลังจากได้รับรู้เรื่องราว ได้เข้าไปหารือกับผู้บังคับบัญชา พยายามรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งได้พูดคุยกับเพื่อนของลูกสาว และนำข้อมูลมามอบให้กับ ปคม. สืบสวนขยายผลต่อนาน 2 เดือน จนสามารถชี้พิกัด และเข้าจับกุมคนร้ายได้วันนี้
ในฐานะพ่อ รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถดูแลปกป้องลูกสาวได้ ก่อนเกิดเหตุ ลูกสาวมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่ยอมไปไหนมาไหนด้วย กักตัวอยู่แต่ในห้อง จึงพยายามพูดคุยกับลูกสาว สอบถามจนได้ความ และพบลูกพยายามฆ่าตัวตายแต่ตนสามารถช่วยได้ทัน ซึ่งลูกสาวมีความชื่นชอบในเรื่องของคอสเพลย์ ตั้งแต่ช่วงประมาณ ป.6 อีกทั้งลูกสาวยังได้หาชุดมาให้ผู้แต่งคอสเพลย์รายอื่นเช่า และสามารถหายรายได้นับหลักแสน ตนและภรรยาได้เตือน ให้ลูกระมัดระวังตัวเรื่องการแต่งคอสเพลย์ถ่ายรูป เพราะ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม โดยลูกสาว รู้จักคนร้าย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน กุมภาพันธ์ถึงปลายเดือนมีนาคม ก่อนสูญเสียลูกไปแบบไม่มีวันกลับ
“ในฐานะพ่อ อยากบอกลูกเป็นครั้งสุดท้ายว่า พ่อทำหน้าที่ของพ่อๆได้ดีที่สุดแล้ว แต่ลูกก็ไม่ควรจากพ่อไปไวขนาดนี่ ขอให้ลูกรู้ว่า พ่อยังรักลูกตลอดไป”
ระหว่างที่ดาบตำรวจทรงภพ ปล่อยโฮ บอกกับลูกสาวว่า พ่อยังทำหน้าที่ของพ่อ ๆทำดีที่สุดแล้ว ทำให้ผู้บังคับบัญชาทั้ง 3 คน ถึงน้ำตาไหลไปตามๆกัน โดยเฉพาะพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ กองบังคับการ ป้องกันปราบปราม การ ทุจริต และประพฤติมิชอบ กรือ ปปป.ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าผู้บังคับบัญชาของดาบตำรวจสมภพ
ด้าน พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวภายหลังดาบตำรวจทรงภพเปิดใจกับสื่อมวลชนว่า พวกเราทั้ง 3 คนต่างเป็นพ่อคน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ลูกจะตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม ดังนั้นเราจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ ต้องเร่งทำอะไรสักอย่างเพื่อปกปรามอาชญากรรมลักษณะนี้ และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันอาชญากรรมในsocial
โดยขณะนี้ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เตรียมมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม ที่เกิดขึ้นในโลกโซเชี่ยลมีเดีย โดยมีการเปิดโครการป้องกันอาชญากรรมตามแนวตำรวจสมัยใหม่ โดยร่วมมือกับ กสทช. และมูลนิธิเกี่ยวกับเด็ก โดยเฉพาะโรงเรียนในสังกัด กทม. โดยตำรวจจะมีการทำคอนเทนท์ ส่งไปให้ครูตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อสอนเด็กให้เข้าใจถึงโทษภัยของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นแนวทางการป้องกันภัยต่อไป
จากการเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาภายในบ้านพัก ตำรวจพบหลักฐาน ว่าคนร้ายได้กระทำการกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีอีกกว่า 10 คน ซึ่งหลังจากนี้ ตำรวจจะเร่งขยายผลจากคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาเพื่อหาแหล่งปลายทางของคลิป รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีทั้งหมด พร้อมทั้งจะสอบสวนหาข้อมูลให้ได้ความชัดเจนว่าผู้ต้องหาเป็นสาเหตุของการตายของเหยื่อหรือไม่ ซึ่งจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง
อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์