โดยรัฐบาลมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับการบริหารจัดการน้ำให้มีความสำคัญ โดยนำไปสู่การจัดตั้งหน่วยงานระดับกระทรวง เพื่อเผชิญกับวิกฤตและความมั่นคงด้านน้ำในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ที่ประชุมจึงเห็นชอบหลักการ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ให้สามารถขับเคลื่อนภารกิจ เพื่อนำไปสู่การพัฒนา เป็นการจัดตั้ง "กระทรวง" ในอนาคตต่อไป โดยขยายบทบาทให้ครอบคลุมทั้งมิติอุปสงค์และอุปทาน
ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งยกร่างพิมพ์เขียวการปรับปรุงกลไกการบริหารจัดการน้ำของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง กฎหมาย และงบประมาณ
โดยพร้อมทั้งยกร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และขอให้นำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อปัญหาและจุดอ่อนเพื่อพัฒนาเพิ่มศักยภาพ บุคลากร หน่วยงาน และเทคโนโลยีของ สทนช.ให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะคณะกรรมการลุ่มน้ำ 22 ลุ่ม และคณะอนุกรรมการจังหวัด จำเป็นต้องเร่งดำเนินการคู่ขนานในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยให้เน้นความสำคัญข้อมูลและนวัตกรรม รวมทั้งความต้องการประชาชน เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายแผนงานไปพร้อมกัน