สืบเนื่องจากศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับกรณีดังกล่าว เป็นเรื่องสืบสวนที่ 195/2564 โดยผลการสืบสวนพบว่า บจก.ดังกล่าวเริ่มก่อสร้างอาคารชุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 โดยมีการโฆษณาชักชวนให้ประชาชนซื้ออาคารชุดด้วยวิธีการเปิดบูธตามสถานที่ต่าง ๆ มีการโฆษณาในเว็บไซต์
โดยในสัญญากำหนดให้ผู้ซื้ออาคารชุดต้องชำระราคาห้องชุดทั้งหมดในวันทำสัญญา มีกำหนดระยะเวลาในการก่อสร้าง 22 ถึง 25 เดือน มีการจ่ายผลตอบแทน โดยมีข้อตกลงว่าบริษัทฯ จะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเป็นรายเดือนให้กับผู้ซื้อ รวมเป็นอัตราร้อยละ 8 ต่อปี ซึ่งเป็นการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้
นอกจากนั้นจากการสืบสวน พบว่า บจก.ดังกล่าวได้ให้ผู้ซื้อชำระราคาให้ครบถ้วนในวันทำสัญญา แต่ บจก. ดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างหรือก่อสร้างเพียงบางส่วนเท่านั้น
ทั้งนี้ มีผู้เข้าทำสัญญาซื้อโครงการจำนวนกว่า 2,216 คน เป็นโครงการที่ประกาศขายต่อประชาชนทั่วไป จำนวน 14 โครงการ มีโครงการในจังหวัดเชียงใหม่ 12 โครงการ จังหวัดกระบี่ 2 โครงการ และมีความเสียหายไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท มีผู้เสียหายกว่า 2,000 คน
จากพฤติการณ์ดังกล่าวถือเป็นการโฆษณาหรือประกาศต่อประชาชนหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ย เงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงิน รายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนไม่สามารถประกอบกิจการใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้ และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไป จึงเข้าข่ายเป็นความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อีกส่วนหนึ่งด้วย
ผลการตรวจค้น ทั้ง 2 จุด พบทรัพย์สิน ประกอบด้วย กระเป๋าแบรนด์เนมหลายรายการ เครื่องประดับ รถยนต์หรู และเอกสารเกี่ยวกับบริษัทอีกเป็นจำนวนมาก
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการยึด/อายัดทรัพย์สิน ประเภทที่ดินทางทะเบียน ไว้แล้ว จำนวน 104 แปลง เนื้อที่ประมาณ 148 ไร่ รวมเป็นทรัพย์สินที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการตรวจยึด/อายัดไว้ทั้งสิ้น รวมมูลค่าประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะได้ทำการขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องและติดตามทรัพย์สินมาคืนผู้เสียหายต่อไป
ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกลวงดังกล่าว สามารถติดต่อให้ข้อมูลหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา โทร. 02 831 9888 ต่อ 53701 หรือสายด่วน กรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร.1202 ในวันและเวลาราชการ