
โดยนายวัชระ เปิดเผยว่ามีหลักฐานอย่างชัดเจน ว่ามีการใช้ชนิดของวัสดุไม่ตรงตามข้อกำหนดในสัญญา และไม่ตรงตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของผู้ออกแบบ เช่น ต้นไม้ ไม่ครบถ้วนตามสัญญา มีต้นไม้ตายไป 347ต้น ดังนั้นจึงไม่นับว่าได้ทำตามสัญญาแล้ว อีกทั้ง มีการใช้ไม้ปูพื้น ไม้ตงและไม้ที่ใช้ในการตบแต่งของโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ฯ ไม่ตรงตามข้อกำหนดในสัญญา ซึ่งต้องใช้ไม้ “ตะเคียนทอง” แต่ที่ใช้เป็น “ไม้พะยอม” และไม้ชนิดอื่นมาปะปนในการปูพื้นและตกแต่ง แต่จ่ายเงินเป็นราคาไม้ตะเคียนทอง จึงถือว่ายังไม่แล้วเสร็จ หากมีการตรวจรับส่งมองงาน 100% ย่อมมีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง มีโทษไล่ออก และมีความผิดทางอาญา รวมทั้งผู้บังคับบัญชาที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย หากไม่ยับยั้งการกระทำความผิดของผู้ใต้บังคับบัญชา ก็อาจได้รับผลร้ายไปด้วย
“บัดนี้ ระยะเวลาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ ล่วงเลยกำหนดเวลางานแล้วเสร็จตามสัญญาดังกล่าวข้างต้นมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 - 4 ก.ค. 2565 จำนวน ๕๕๐ วัน งานก่อสร้างก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 100%” นายวัชระ กล่าว
สำหรับจุดบกพร่องต่างๆ ของโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ นายวัชระ ได้ขอให้ประธานกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ฯ แจ้งกรรมการตรวจการจ้างฯ บริษัทที่ปรึกษา บริษัทผู้ควบคุมงาน และเชิญชมรม Strong สผ. องค์กรพอเพียงต้านทุจริต ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ร่วมกันเดินหน้าตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จทุกจุด เพื่อสร้างความโปร่งใสอันเป็นประโยชน์สาธารณะและลดข้อสงสัยของสาธารณชน

นายวัชระ ยังกล่าวต่อว่า การก่อสร้างยังพบว่าผู้รับเหมาทำงานเปลี่ยนแบบโดยที่ไม่แจ้งผู้ว่าจ้าง แล้วค่อยมาทำหนังสือแจ้งสาเหตุภายหลัง รวมทั้ง พบว่าประตูห้องกรรมาธิการไม่เก็บเสียง 65 ห้อง ผนังห้องประชุมกรรมาธิการไม่เก็บเสียง 148 ห้อง และหินทราโวทีนมีขนาดต่ำกว่าข้อกำหนด อุปกรณ์ห้องน้ำชายและหญิงชำรุด ใช้งานไม่ได้จำนวนหลายร้อยห้อง ระบบเสียงภายในห้องประชุมสุริยัน มีปัญหาด้านกายภาพและการรับฟังที่ไม่ชัดเจน เมื่อมีฝนตกจะเกิดเหตุน้ำรั่ว น้ำหยด น้ำซึมและน้ำท่วมทุกครั้งทั่วอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ทรัพย์สินของทางราชการชำรุดเสียหาย รวมทั้ง ผลการตรวจสอบด้านความปลอดภัย ก็ไม่ผ่านมาตรฐานถึง 198 จุด
“หากคณะกรรมการตรวจการจ้างฯ รับมอบงานแล้วเสร็จ วันพรุ่งนี้จะยื่นเรื่องคณะกรรมการ ป.ป.ช. สอบสวนบุคคลที่ลงมติเห็นชอบทุกคนต่อไปโดยไม่ละเว้น”