โดยที่ประชุมได้ฉายฉากทัศน์ ระยะ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี วิเคราะห์และคาดการณ์สถานการณ์ด้านความมั่นคง ทั้งเศรษฐกิจและพลังงาน จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะผลกระทบจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน จึงเห็นชอบให้การตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ ที่มีนายกฯ เป็นประธาน และ คณะกรรมการติดตามวิเคราะห์ผลกระทบในอนาคต ที่มีกระทรวงการคลังรับไปดำเนินการ เพื่อพิจารณาแนวทางรับมือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนหลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการดูแลในระยะ 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.- ก.ย. ว่าจะมีแนวทางอย่างไร จำเป็นต้องพิจารณาเงินกู้ เพื่อมาดูแลสถานการณ์เพิ่มเติมหรือไม่ รวมทั้งหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม เช่น อ่าวไทย แต่จะต้องมีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอาณาเขตติดต่อกันด้วย
นอกจากนี้ อยากจะขอความร่วมมือประชาชนเพื่อรณรงค์ลดการใช้พลังงาน โดยกำลังพิจารณาแนวทาง Tax Credit ซึ่งเป็นการใช้มาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้ประชาชนลดการใช้พลังงาน แต่ยังต้องพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมอีกครั้ง
ส่วนที่ประชาชน กล่าวหานายกฯ ไม่เดือดร้อนเรื่องปัญหาพลังงาน เพราะใช้น้ำมันฟรี พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า ส่วนตัวเห็นความเดือดร้อนของทุกคนก็รู้สึกเจ็บปวด และย้ำว่าไม่ได้ใช้น้ำมันฟรี หรือน้ำมันหลวงตามที่ถูกกล่าวหา และขณะนี้พยายามลดการใช้พลังงานลงด้วยเช่นกัน
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะออกกฎหมายบังคับ นายกฯ กล่าวเพียงว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงว่า ต้องเป็นความจำเป็นเด็ดขาดจึงจะออกเป็นกฎหมายได้ รวมไปถึงเรื่องของโรงกลั่นน้ำมัน ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา จะชี้แจงข้อกฎหมายที่ทำได้และทำไม่ได้ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจตรงกัน ย้ำไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับใครทั้งสิ้น
สำหรับมติที่ประชุมในวันนี้จะรายงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ และแต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ค.65)